พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกแถลงการณ์ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ชี้แจงสถานการณ์โควิด-19 ในภาพรวม ยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดขยายเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน ทั้งยกย่องบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน
ส่วนที่ยังคงมีข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขอว่าอย่าส่งต่อ
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า "นับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 100 วันแล้ว ที่เราได้ร่วมต่อสู้ในสงครามโควิด-19 ซึ่งการเตรียมความพร้อมและการเฝ้าระวังที่เข้มงวดตั้งแต่ต้น ความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุข และความร่วมมือของทุกฝ่าย ทำให้เรามียอดผู้ป่วยอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ มีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศชั้นนำ และมีความพร้อมรับมือในทุกๆ ด้าน เป็นข้อพิสูจน์ว่าการดำเนินการของเรานั้นมีประสิทธิภาพ ประเทศต่างๆ ยกให้เป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการรับมือกับโควิด-19 ขอให้พวกเราทุกคนภูมิใจ เชื่อมั่นในมาตรการของรัฐ และมีวินัยอย่างเคร่งครัดในการปฏิบัติตาม ขอให้สัญญาว่า เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หน้าที่ของผมคือดูแลคนไทยทุกคนทั้งประเทศ ขอให้พวกเราจะสู้ไปด้วยกัน พวกเราคือทีมประเทศไทย หากเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีศึกใดที่เราจะเอาชนะไม่ได้
สำหรับบุคคลากรด้านสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย พยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลและสถานีอนามัยต่าง ๆ พร้อมทั้งสมาชิก อสม. นับล้านคนทั่วประเทศ ที่ทำงานอยู่ด่านหน้า รวมถึงเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร และจิตอาสาทุกท่าน ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือดูแล และให้บริการประชาชน ในวิกฤตินี้ ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงต่อสุขภาพ อยากบอกให้ทุกคนทราบว่า ท่านคือความหวัง คือฮีโร่ ที่อยู่ในหัวใจของผม และหัวใจของคนไทย ทั้ง 70 ล้านดวง ตนขอขอบคุณในความเสียสละของทุกท่าน"
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดเพิ่มเติม ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่3) โดยมีสาระสำคัญคือ การยกเว้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ต้องออกนอกเคหสถานได้แก่
1 การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หรือพลเรือนซึ่งอยู่ ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอื่น
2 การสาธารณสุข ได้แก่ ผู้ป่วย ผู้ความจำเป็นต้องพบแพทย์และผู้ดูแลบุคคลดังกล่าว หรือแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องปฏิบัติงาน
3 การขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ได้แก่ ผู้ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้า อุปโภค บริโภค ผลผลิตการเกษร น้ำมันเชื้อเพลิง ไปรษณียภัณฑ์ พัสดุภัณฑ์ หนังสือพิมพ์ หรือสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก
4 การขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ได้แก่ ผู้ขนส่งหรือขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศของทางราชการหรือของตนเองเพื่อการเฝ้าระวังหรือกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือผู้เดินทางมาจากหรือไปยังท่ากาศยานหรือสถานที่ขนส่งตามที่ทางราชการอนุญาตและให้เปิดทำการได้
5 การบริการหรือการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ได้แก่ ผู้บริการคนไร้ที่พึ่ง ผู้บริการเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานีน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้บริการส่งสินค้าหรืออาหารตามสั่ง ผู้บริการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุงไฟฟ้า ประปา ระบบระบายน้ำ ระบบท่อส่งน้ำมันและก๊าชธรรมชาติ ผู้บริการ จัดเก็บและกำจัดขยะมูลฝอย ผู้บริการซ่อมแชมและปรับปรุงโครงข่ายและอุปกรณ์ในการสื่อสาร โทรคมนาคม ผู้บริการด้านธนาคารตลาดทุน ประกันภัย การกู้ภัย การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ ผู้จำเป็นต้องดำเนินการในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือจำเป็นต้องติดต่อราชการกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง หรือพนักงานสอบสวน
6 การประกอบอาชีพซึ่งจำเป็นต้องกระทำภายในช่วงเวลาพิเศษ ได้แก่ ผู้เข้าออกเวรยาม กะ หรือการทำงานตามผลัดเวลาที่กำหนดไว้ตามปกติของทางราชการ เอกชน โรงงาน หรือการดูแลรักษาความปลอดภัย ผู้ประกอบอาชีพประมง การกรีดยาง การตรวจรักษาสัตว์
7 เหตุจำเป็นอื่น ๆ โดยได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะรายจากพนักงานเจ้าหน้าที่ในกรณีตาม (1) ถึง (6) ให้บุคคลที่มีความจำเป็น แสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรแสดงตนอย่างอื่น และเอกสารรับรองความจำเป็น เอกสารเกี่ยวกับสินค้า บริการ การเดินทางหรือหลักฐานอื่น ๆ ต่อเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดรวมถึงการยอมรับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย
สำหรับกรณีตามข้อ 7 ที่มีเหตุจำเป็นอื่น ๆ นั้น ให้แสดงเหตุจำเป็นพร้อมทั้งหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าสถานีตำรวจ หรือผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่ออนุญาต
ในกรณีมีความจำเป็นสมควรยกเว้นความในข้อ 1 เพิ่มเติมเป็นการทั่วไป ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องโดยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีอาจมีคำสั่ง ยกเว้นผู้ประกอบกิจการอื่นอันมีลักษณะทำนองเดียวกันภายในกรอบของกิจการตามข้อ 1 (1) ถึง (6) เพิ่มเติม โดยอาจกำหนดสถานที่ เงื่อนไข และเงื่อนเวลาด้วยก็ได้
ในกรณีมีการกระทำความผิดตามกฎหมายอื่น เช่น ความผิดต่อทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด กฎหมายว่าด้วยการพนัน กฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และเป็นความผิดตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ด้วย ให้ดำเนินคดี ต่อผู้กระทำความผิดทุกฐานความผิดนั้นโดยเร็ว ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นตันไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
..