*กองปราบ รวมหนุ่มลูกอดีตปลัดก.วิทย์หลอกขายหุ้นรวมมูลค่า280ล้านหลังเหยื่อกว่า20คนแจ้งความ*

การแถลงจับผู้ต้องหาหลอกขายหุ้น พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาหลอกขายหุ้น หลังจากที่มีผู้เสียหายจำนวน20คนเข้าแจ้งความ ต่อกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่3ธ.ค. ให้ดำเนินการเอาผิดกับนายปาณสาร สมชีวิตา บุตรชาย อดีตปลัดกระทรวงกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่หลอกลวงขายหุ้นจำนวน 3 บริษัท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมมูลค่ากว่า 280 ล้านบาท  โดยนำสลิปการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน พลตำรวจโทประวุฒิ  เปิดเผยว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหาจะอ้างว่าหุ้นที่จะขายเป็นหุ้นที่ไม่มีเปิดขายในตลาดหลักทรัพย์ และมีกำไรดี โดยติดต่อขายผ่านโบรกเกอร์ ซึ่งเป็นนายหน้าขายหุ้น ซึ่งหุ้นดังกล่าว ไม่มีใบหุ้น แต่ที่กลุ่มผู้เสียหายตัดสินใจซื้อ เนื่องจากเคยซื้อหุ้นกับนายปาณสาร ประกอบกับผู้ต้องหาอ้างว่า เป็นลูกของอดีตกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันเปิดตลาดหุ้น ผู้ต้องหาไม่สามารถโอนหุ้นให้ผู้เสียหายได้ และกลุ่มผู้เสียหายและผู้ต้องหาได้นัดหมายเพื่อทำการตกลงกันเมื่อวันที่2ธ.ค. ซึ่งผู้ต้องหารับปากว่าจะจ่ายเงินคืน แต่หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ กลุ่มผู้เสียหายจึงเข้าร้องทุกข์ที่กองปราบปราม พลตำรวจโทประวุฒิ เปิดเผยว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้รับร้องทุกข์ไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้งหาในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในวันที่ 4 ธ.ค. ขณะที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปที่ จังหวัดเพชรบุรี โดยจากการสอบสวนผู้ต้องหา มีพฤติกรรมคล้ายคนจัดหาหุ้น ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำจริง โดยจะหลอกเงินผู้เสียหาย ทำให้หุ้นของตัวเองมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพื่อที่จะนำไปหลอกหลวงเหยื่อรายต่อไป ซึ่งคล้ายๆกับแชร์ลูกโซ่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 281 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้ต้องหา ยินดีจะคืนเงินให้กับผู้เสียหาย ตามหลักฐานที่มีการโอนเงินเข้ามา แต่เนื่องจากขณะนี้ยังมีเงินไม่พอที่จะคืนทั้งหมด และจะพยายามหาเงินมาชดใช้ วันนี้พลตำรวจโทประวุฒิ ได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนที่กองปราบปราม แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะออกมาแถลงข่าวด้วย หลังจากนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบ จะนำตัว ไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังทันที พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามจะต้องมีการสอบสวนโปรกเกอร์ ซึ่งเป็นเอเยนต์ขายหุ้น ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

สานนท์