ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 08.30น. วันอังคารที่ 7 เมษายน 2563

07 เมษายน 2563, 10:55น.


โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ยืนยัน ยังรับมือได้ หลังกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ 112 คน



           นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวถึง กรณีต้องกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ 112 คน หลังจากให้การรักษาผู้ป่วยอุบัติเหตุ และตรวจพบภายหลังว่าผู้ป่วยคนนี้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า ในจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกกักตัวมีทุกวิชาชีพ และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ถือว่าเป็นการกักตัวบุคลากรจำนวนมาก ขณะนี้ยังสามารถบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลภายในพื้นที่ภูเก็ตได้ ด้วยการโยกบุคลากรแผนกอื่นๆ มาร่วมดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ ตอนนี้เรายังรับมือได้ แต่หากเริ่มมีสัญญาณว่าจะไม่ไหวก็จะต้องหารือกับผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 11 เพื่อขอบุคลากรทางการแพทย์มาเสริม ที่ห่วงอยู่คือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องทำความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรค



          กรณีที่มีบุคลากรทางการแพทย์ต้องถูกกักตัวมากถึง 112 คน ทำให้คนที่เหลือต้องทำงานหนักขึ้นมาก แต่เป็นสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว เพราะผู้ป่วยเกิดอุบัติเหตุ กระดูกคอหัก กระดูกหลายส่วนหัก ต้องได้รับการช่วยชีวิตอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าทุกคนทั้งคนที่ถูกกักตัว และคนที่ยังเหลืออยู่ตอนนี้ต่างก็วิตกกังวล เพราะหมายความว่าความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ทุกเมื่อจากคนที่เรายังไม่มีทางรู้ แต่พวกเราทุกคนเป็นนักสู้อยู่แล้ว ตอนนี้สภาพจิตใจเข้มแข็ง และยังทำงานควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ต่อไป ส่วนเรื่องอุปกรณ์ป้องกันตัวต่างๆ ตอนนี้ที่ภูเก็ตได้รับการจัดสรรลงมาเป็นพิเศษยังมีใช้อยู่   



เร่งเก็บข้อมูล-กักตัวคนใกล้ชิดผู้ป่วยหญิงที่จ.ชุมพร 88 คน



          นายวิบูลย์ รัตนาภรวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ นพ.สาธารณสุข จ.ชุมพร เปิดเผยเรื่องผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ชุมพร ว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 คน เป็นผู้หญิง อายุ 64 ปี มีอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าเช่าบ้านห้องแถวติดกันอยู่ในเขตเทศบาลตำบลวังไผ่ อ.เมือง ขณะนี้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล อาการอยู่ในขั้นวิกฤต เนื่องจากสุขภาพไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัวแทรกซ้อน



          สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยคนนี้ พบว่า เดินทางไปในหลายพื้นที่ทำให้มีกลุ่มเสี่ยงต้องสงสัยที่ต้องเฝ้าระวังรวมจำนวนอีกนับร้อยคน จากการสอบสวนโรคพบว่ามีกลุ่มเสี่ยงสัมผัส ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลที่ต้องกักตัวมีจำนวน 64 คน รวมทั้งต้องปิดตึกอายุรกรรมหญิงชั่วคราว นอกจากนี้มีผู้ใกล้ชิด 22 คน รวมทั้งหมด 88 คน ที่ต้องกักตัวรอดูอาการ นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องเฝ้าระวังในพื้นที่อยู่อาศัยในเขตเทศบาลตำบลวังไผ่ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรคจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชุมพร และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลวังไผ่ ได้นำบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยมาสอบสวนเพื่อทำไทม์ไลน์แต่ละคน ในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมทั้งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดพ่นสารฆ่าเชื้อ



รองอธิบดีกรมการควบคุมโรค ห่วงการระบาดโควิด-19 เป็นกลุ่มในบุคลากรทางการแพทย์



          นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่เมื่อดูจากภาพรวมมีแนวโน้มลดลง เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ผู้ป่วยรายใหม่ 51 คน รวมสะสม 2,220 คน กลับบ้าน 793 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย รวมสะสม 26 ราย ผู้ป่วยที่ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,401 คน แต่ที่น่าเป็นห่วง คือการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข พร้อมห่วงช่วงฤดูฝน อุณหภูมิลดลงและมีความชื้น ทำให้เชื้ออยู่ได้นานขึ้นและการเปิดเทอมของโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เป็นความท้าทายในการควบคุมโรค และทุกฝ่าย ต้องควบคุมโรคให้ได้ก่อนโรงเรียนเปิด 



          ส่วนอาการของโรคโควิด-19 เมื่อผู้ป่วยสัมผัสเชื้อโควิด-19 ระยะฟักตัว 5 วันกว่าจะแสดงอาการ และ1คนสามารถแพร่เชื้อได้ 2.2 คน ความรุนแรงของโรค พบว่าร้อยละ 80 มีอาการน้อย ร้อยละ30 แทบไม่มีอาการ และอาการรุนแรงมีร้อยละ15 และภาวะวิกฤต ร้อยละ5 ส่วนเสียชีวิต ร้อยละ1.4  เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมโดยมีระยะเวลาที่แตกต่างกัน หากเป็นพื้นผิวสัมผัสที่แข็ง เชื้อจะอยู่ได้ 2-3 วัน หากเป็นพวกที่มีรูพรุน เช่น กระดาษ เสื้อผ้า อยู่ได้ 24 ชั่วโมง วิธีฆ่าเชื้อทั่วไปคือใช้น้ำผสมผงซักพอก หรือ แอลกอฮอล์70%



          สำหรับมาตรการที่ควบคุมการแพร่ระบาด ขณะนี้มีการใช้ 2 มาตรการ คือ 1.มาตรการทางสาธารณสุข การสอบสวนโรค ค้นหาผู้ป่วยให้ได้โดยเร็ว การแยกตัวผู้ป่วย ตัดวงจรการแพร่ระบาด ให้ความรู้กับประชาชนถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ 2.มาตรการทางสังคม เพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคล ลดการออกจากบ้าน ลดความแออัดในพื้นที่สาธารณะ



          แนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิด-19  ผู้ป่วยทุกรายไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสทุกคน พบร้อยละ80 หายได้เอง มีร้อยละ15 ที่อาการหนักต้องได้รับยาต้านไวรัส คือ ฟาวิพิราเวียร์ เป็นหลัก



จ.ยะลา แยก 7 คนไทยที่เดินทางกลับจากอินโดฯ  อุณหภูมิสูงกว่าปกติ



           สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา รายงานว่า ชาว จ.ยะลา จำนวน 8 คนที่ไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาหรือดาวะห์ที่ประเทศอินโดนีเซีย และเดินทางมาถึงท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวานนี้เวลา 16.45 น. จากการตรวจคัดกรองที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ พบว่า มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ 7 คน เจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน จังหวัดยะลา ที่ 1 ที่เดินทางไปรับตัวจึงได้แยกทั้ง 7 คนดังกล่าวเดินทางกลับมาที่ จ.ยะลาด้วยรถ 6 ล้อ ส่วนอีก 1 คน อุณหภูมิร่างกายปกติ เดินทางกลับด้วยรถยนต์ของเจ้าหน้าที่  ทั้งหมดได้เดินทางมาถึง จ.ยะลา เมื่อเวลา 21.00 น. ก่อนจะเข้ากักตัวสังเกตอาการ 14 วัน ที่ศูนย์สังเกตอาการระดับอำเภอเมืองยะลา ตั้งอยู่ภายในศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขชายแดนภาคใต้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข อ.เมือง จ.ยะลา



แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X