รัฐบาลท้องถิ่นในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนีระบุว่า ทางการสหรัฐฯ ดำเนินการยึดคืนหน้ากากอนามัยที่อยู่ระหว่างการส่งออกไปยังเยอรมนีจำนวน 200,000 ชิ้น เพื่อนำกลับไปใช้ในประเทศของตนเอง พร้อมประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการปล้นสะดมยุคใหม่
นายอันเดรอัส กีเซล รัฐมนตรีกิจการภายในของกรุงเบอร์ลินระบุว่า การส่งหน้ากากอนามัยกลับสหรัฐฯ มีขึ้นในระหว่างที่หน้ากากอนามัยรุ่น เอฟเอฟพีทู อยู่ในกรุงเทพมหานครและเตรียมขนส่งไปยังกรุงเบอร์ลิน ตามคำสั่งซื้อของสำนักงานตำรวจเบอร์ลิน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิบัติตามระเบียบการค้าสากล โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่การปฏิบัติที่ไม่สมควรเช่นนี้ เพราะเยอรมนีเป็นคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ
ขณะที่ฝรั่งเศสก็กำลังประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยเช่นกัน เนื่องจากเมื่อหาแหล่งซื้อได้ กลับถูกผู้ซื้อในสหรัฐฯ เสนอให้ราคาประมูลสูงกว่าราคาปกติถึง 3 เท่า พร้อมยืนยันจ่ายเงินทันที เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้นำแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ของฝรั่งเศสถึงกับเปรียบเทียบหน้ากากอนามัยว่าเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าที่ทุกประเทศต้องตามล่าหามาครอบครองไว้
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีมาตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลีมาบังคับให้บริษัทผลิตหน้ากากอนามัย 3M ยุติการส่งออกหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ไปยังต่างประเทศ พร้อมกับใช้กฎหมายคุ้มครองการผลิตสินค้าสั่งให้บริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ เพิ่มการผลิตเวชภัณฑ์เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ