ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันพฤหัสบดีที่ 2เมษายน 2563

02 เมษายน 2563, 07:27น.


ก.คลัง เตรียมเปิดเว็บไซต์ให้ลงทะเบียนแก้ไข-ยกเลิกข้อมูลรับเงิน 5,000 บาท



          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมให้ผู้ที่ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาสามารถแก้ไขข้อมูลส่วนตัวที่ถูกต้องหรือแจ้งสามารถยกเลิกการขอรับเงินเยียวยาผ่านเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน.com ได้ หลังมีการสอบถามมาเป็นจำนวนมากว่าสามารถแก้ไขได้หรือไม่ ส่วนยอดลงทะเบียนปัจจุบันถึง18.00 น. ของวันที่1 เม.ย. มีเข้ามาแล้ว 22.5 ล้านคน ขณะนี้ กระทรวงการคลังกับธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นผู้ทำระบบการลงทะเบียนกำลังหารือกันว่าจะหาทางแก้ไขในเว็บไซต์เพื่อเปิดโอกาสในกรณีผู้ที่ลงทะเบียนมีความผิดพลาดในเรื่องข้อมูลสามารถเข้าไปแก้ไขหรือยกเลิกการรับเงินเยียวยากรณีที่คุณสมบัติไม่ตรงตามที่รัฐบาลกำหนดเพราะบางคนอาจลงข้อมูลไม่ถูกต้องหรือบางคนอาจได้งานแล้วระหว่างนี้ เพราะเงื่อนไขการลงทะเบียนกำหนดชัดว่าถ้าแจ้งข้อมูลเท็จอาจมีความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กฎหมายแพ่งและอาญาได้



ธนาคารออมสิน พักชำระเงินต้น- ดอกเบี้ย 3 เดือน



          นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มอบนโยบายให้สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินในการช่วยเหลือลูกหนี้ในระยะนี้ ธนาคารจะพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้โดยอัตโนมัติเป็นเวลา 3 เดือน ให้กับลูกค้าเงินกู้ทุกราย ที่มีสถานะชำระปกติจนถึงที่มีหนี้ค้างชำระ ไม่เกิน 3 เดือน ณ วันที่ 31 มี.ค.2563



-สำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเคหะมีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 3,000,000 บาท และสินเชื่อSMEs มีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 20 ล้านบาท เริ่ม 1 เม.ย. ถึง 30 มิ.ย. เช่นกัน



-ลูกค้า ถือบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ธนาคารออมสิน ช่วยลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำในปี 2563 ถึงปี 2564 จากเดิมขั้นต่ำร้อยละ 10 ของยอดเงินเรียกเก็บ เหลือร้อยละ 5 ของยอดเงินเรียกเก็บ จากนั้นในปี 2565 ให้ชำระในอัตราร้อยละ 8 ของยอดเงินที่เรียกเก็บ และปี 2566 อัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำร้อยละ 10 ของยอดเงินที่เรียกเก็บ           



+++หลังจากครบกำหนดระยะเวลาการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว ยังไม่สามารถชำระได้ สามารถใช้วิธีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือเลือกเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ ซึ่งเป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย



+++ก่อนหน้านี้ ธนาคารออมสิน เปิดให้บริการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 วงเงินกู้สูงสุด 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.10 ต่อเดือน ผ่อนชำระคืนนานถึง 2 ปี โดยไม่ต้องชำระเงินกู้ 6 งวดแรก ที่สำคัญ คือ ไม่ต้องใช้หลักประกัน คุณสมบัติผู้กู้มีอายุ 20 ปี ขึ้นไป สัญชาติไทย เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้เดือนละไม่เกิน 30,000 บาท ที่ได้รับผลกระทบ เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถโดยสารแท็กซี่-สามล้อ มัคคุเทศก์ เป็นต้น มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้



พณ.ส่งสินค้าตรงถึงบ้าน เพิ่มรถ-เรือธงฟ้า สู้ภัยโควิด-19



          ตามที่กระทรวงพาณิชย์ จัดทำโครงการ “ธงฟ้าสู้ภัยโควิด-19” ส่งรถเร่จากตลาดสดและตลาดกลางสินค้าเกษตรของกรมการค้าภายใน เช่น ตลาดศูนย์การค้ามีนบุรี กรุงเทพฯ ตลาดเสรี จังหวัดนครปฐม ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี และตลาดกลางบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จำนวน 200 คัน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกเหนือจากรถพุ่มพวงของตลาดต่างๆ แล้ว ยังได้เสริมรถเร่เข้าไปอีกเพื่อให้บริการกับประชาชนที่อยู่ในเขตกรุงเทพชั้นในวันละไม่ต่ำกว่า 60 รอบ ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.



          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายในเพิ่มจำนวนรถเร่ธงฟ้า จำนวน 250 คัน และรถเสริมพิเศษ เพื่อวิ่งในเส้นทางต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่ทุกชุมชนในกรุงเทพฯ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในราคาประหยัด ประกอบด้วย ไข่ไก่เบอร์ 3 (ฟองละ 3 บาท) ไข่เป็ดเบอร์ 1 (ฟองละ 3.30 บาท) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (ซองละ 5 บาท) น้ำมันปาล์ม (ขวด 1 ลิตร 40 บาท) เจลล้างมือ (ขนาด 30 มิลลิกรัม ราคา 25 บาท)  ปลากระป๋อง (กระป๋องละ 11 บาท) ข้าวหอมไทยบรรจุถุง (ขนาด 2 กก. ราคาถุงละ 55 บาท)



          การเข้าถึงประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณริมน้ำ ได้เพิ่มเรือธงฟ้า อีกจำนวน 2 ลำ ออกจำหน่ายในเส้นทางคลองบางกอกน้อย - คลองชักพระ-คลองบางกอกใหญ่-คลองมอญ รวมทั้งกำลังจะดำเนินการคาราวานธงฟ้า สู้ภัยโควิด-19 ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย



ดาวโจนส์ ดิ่งเกือบพันจุด- น้ำมันลดลง 



           ดาวโจนส์ ลดลง 973.65 จุด ปิดที่ 20,943.51 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 114.09 จุด ปิดที่ 2,470.50 จุด แนสแดค ลดลง 339.52 จุด ปิดที่ 7,360.58 จุด หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตือนชาวอเมริกันให้เตรียมพร้อมรับมือกับช่วง 2 สัปดาห์ที่เจ็บปวดมาก และทีมงานทำเนียบขาว ระบุว่า โควิด-19 อาจทำให้คนในสหรัฐฯเสียชีวิตระหว่าง 100,000 ถึง 240,000 ราย



           ราคาน้ำมันปิดลดลงพอสมควร หลังจากพบว่าคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 10 สัปดาห์ติดต่อกัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 17 เซ็นต์ ปิดที่ 20.31 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.61 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ปิดที่ 24.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ(อีไอเอ) เผยแพร่รายงานว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 13.8 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 มีนาคม เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้

          ส่วนราคาทองคำ เริ่มต้นเดือนด้วยการปิดลบ 4 วันติดต่อกัน นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,591.40 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์



แพทย์ ขอตรวจสอบให้แน่ชัดชายวัยกลางคนเสียชีวิตบนรถไฟ



           กรณีชายอายุ 57 ปี เสียชีวิตบนรถไฟสายใต้ ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีโรคประจำตัวและติดเชื้อโควิด-19 แพทย์ขอตรวจสอบให้แน่ชัดว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เนื่องจาก โรคประจำตัว หรือเพราะโควิด-19 แต่ที่สร้างความหวาดวิตกไม่น้อย หลังมีภาพวงจรปิดเผยแพร่พบว่าขณะที่ชายคนนี้ซื้อตั๋วรถไฟ ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย และยังไอตลอดเวลา



          นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า อยู่ระหว่างการหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด เนื่องจากมีโรคประจำตัว และติดเชื้อโควิด-19 กรณีนี้เป็นการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันค่อนข้างมาก ต้องรอการตรวจสอบอย่างชัดเจน เพราะอาการของโรคโควิด-19 ที่จะพัฒนาจนเกิดอาการปอดอักเสบรุนแรง จะเกิดขึ้นระหว่างช่วงวันที่ 8-10 ของการติดเชื้อ จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนเป็นเบาหวานที่ไม่ได้รับการควบคุม ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีอาการรุนแรง 



ดีเอสไอ สั่งกักตัวคนใกล้ชิด 100 คน หลังพบพนักงานติดเชื้อ

           นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึง กรณีพนักงานสอบสวน 1 คน ของสำนักเลขานุการกรมป่วยติดเชื้อโควิด-19 ว่า ขณะนี้ได้เร่งตรวจสอบผู้มีประวัติร่วมงาน หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย คาดว่า จะต้องกักตัวเจ้าหน้าที่ ให้ทำงานจากบ้านพัก ประมาณ 100 คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีโอกาสร่วมงานกับผู้ป่วย ยืนยันว่า การกักตัวเป็นเวลา 14 วัน จะไม่ส่งผลกระทบกับงานคดี และการให้บริการประชาชน เพราะเจ้าหน้าที่ยังสามารถปฏิบัติงานจากบ้านพักได้



          กรณีที่จำเป็นต้องทำงานด้านเอกสาร จะมีรถยนต์ของทางราชการออกไปรับ-ส่งเอกสาร โดยวางระบบป้องกันไม่ให้มีการสัมผัสโดยตรงกับกลุ่มเสี่ยงที่ถูกกักตัว ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปยังคงสามารถเดินทางมาติดต่อราชการกับดีเอสไอได้ตามปกติ เพราะก่อนหน้านี้ ได้บริหารจัดการ สลับทีมพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ให้มาทำงานในสำนักงาน เพียงครึ่งทีม หรือไม่เกิน 2 ใน 3



          นอกจากนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ออกมาตรการลดการทำงานภายในสถานที่ราชการลง โดยให้มีผู้เดินทางมาปฏิบัติงานเพียงวันละร้อยละ 20 ส่วนที่เหลือให้ทำงานจากที่บ้านผ่านระบบออนไลน์ โดยประชาชนยังคงสามารถติดต่อเข้ารับบริการได้ตามปกติเช่นกัน



แฟ้มภาพ 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X