ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพุธที่ 1 เมษายน 2563

01 เมษายน 2563, 07:50น.



17 จังหวัดภาคเหนือ เกิดจุดความร้อนสะสม 97,177 จุด



          สถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ รายงานระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 มี.ค. พบว่า ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เกิดจุดความร้อนสะสม 97,177 จุด จุดความร้อนสะสมมากที่สุดที่ จ.เชียงใหม่ 15,244 จุด จ.แม่ฮ่องสอน 12,532 จุด และ จ.ตาก จำนวน 10,452 จุด



          พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการ กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับ 9 จังหวัดภาคเหนือ เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดเพิ่มความเข้มข้น เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ประกอบด้วย พื้นที่เกิดไฟไหม้ซ้ำซาก พื้นที่เสี่ยงเกิดจุดความร้อน ขอให้บูรณาการกำลังร่วมกันทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน และจิตอาสา เพื่อกดดันไม่ให้มีการลักลอบเผาในพื้นที่ ขอให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด ปฏิบัติภารกิจด้วยความเข้มแข็งและอดทน



         ด้านนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมวอร์รูม จ.เชียงใหม่ ว่า สถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการสนับสนุนอากาศยานปฏิบัติการดับไฟในพื้นที่สูงชันจากกองทัพบก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมปฏิบัติการดับไฟ ทำให้ขณะนี้ไฟดับสนิททุกจุดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังใกล้ชิด และทำแนวกันไฟบริเวณโดยรอบ รวมทั้งจุดเสี่ยงที่จะเกิดไฟซ้ำซากทุกจุด เพื่อป้องกันเกิดการปะทุขึ้นอีก



หน้ากากอนามัย ถึงมือผู้ว่าฯ 77 จังหวัดแล้ว



          หลังจากรัฐบาลเปลี่ยนแผนการจัดสรรหน้ากากอนามัยที่มีกำลังการผลิตจาก 11 โรงงาน วันละ 2,300,000 ชิ้น แบ่งการบริหารจัดการโดย 2 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1,300,000 ล้านชิ้น ที่นำไปให้สถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์





          ส่วนอีก 1,000,000 ชิ้น กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง รับไปดำเนินการจัดสรรไปยัง 77 จังหวัดทั่วประเทศ พิจารณาตามจำนวนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ จำนวนผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิด สัมผัสผู้ป่วย ผู้ที่ปฏิบัติงานบริการที่ใกล้ชิดกับประชาชน ผู้ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยง และกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง (จัดสรรตามจำนวนประชากร) และ จัดสรรเพิ่มให้แก่จังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดสูง มีการย้ำเตือนให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด ให้อำเภอแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจนับหน้ากากอนามัยที่ได้รับการจัดสรรจากจังหวัดให้ถูกต้อง ครบถ้วน และควบคุมการแจกให้เป็นไปตามเป้าหมายกลุ่มเสี่ยงทั้ง 4 กลุ่มของอำเภอ นอกจากนี้ ให้อำเภอจัดทำบัญชีและแผนการแจกหน้ากากอนามัยตามกลุ่มเป้าหมาย



          ในส่วนกรุงเทพมหานคร ได้รับวันละ 100,000 ชิ้น  ส่วนกลุ่มจังหวัดที่ได้รับจัดสรรตั้งแต่ 10,000 ชิ้นขึ้นไปถึง 40,000 ชิ้น เช่น จ.นครราชสีมา ได้จำนวน 41,000 ชิ้น, จ.เชียงใหม่ จำนวน 35,000 ชิ้น, จ.ชลบุรี จำนวน 28,000 ชิ้น จังหวัดชายแดนใต้จ.นราธิวาส ได้จำนวน 19,000 ชิ้น จ.ปัตตานี จำนวน 18,000 ชิ้น นอกจากนี้ มีจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรหลัก1,000 ชิ้นตามสถานการณ์ที่ยังเกิดการแพร่ระบาดไม่มาก เช่น จ.สิงห์บุรี จำนวน 1,000 ชิ้น จ.สมุทรสงคราม จำนวน 1,000 ชิ้น, จ.สตูล จำนวน 2,000 ชิ้น และ จ.ลำปาง 9,000 ชิ้น



เตรียมแผน ‘พิทักษ์มาตุภูมิ’ รับมือโควิด-19 ในต่างจังหวัด

          การติดตามสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ต่างจังหวัด พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก สั่งการให้ทุกหน่วยงานต้องติดสถานการณ์และสร้างการรับรู้ความเข้าใจ การสื่อสารผ่านทางไลน์ หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก และมีแนวคิดจะใช้มาตรการต่างๆในการแก้ไขปัญหาตามลำดับ โดยใช้ชื่อว่า ‘แผนพิทักษ์มาตุภูมิ’ ที่จะใช้กำลังประจำถิ่น กำนัน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โรงพยาบาลสุขภาพประจำตำบล ตำรวจ และทหาร ในการตรวจคัดกรอง ดูแลในหมู่บ้าน ในตำบลของตนเอง พร้อมสั่งให้ผู้บังคับหน่วยลงพื้นที่สำรวจ ที่พัก โรงแรม ต่างๆ ว่า สามารถดัดแปลงเพื่อเป็นโรงพยาบาลในการกักตัวผู้ป่วย 14 วันได้หรือไม่ หากสามารถดำเนินการได้ก็ขอให้สนับสนุนในการปรับปรุงโดยใช้แนวทางการช่วยเหลือกันของชาวชลบุรี เป็นโมเดล




          นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ หลีกเลี่ยงมาตรการที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ เนื่องจาก บางกลุ่มต้องการให้รัฐบาลใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อให้ปัญหาคลี่คลายโดยเร็ว แต่ปัญหาที่ตามมา คือประชาชนที่ได้รับผลกระทบมีจำนวนมากจึงปรับเปลี่ยนมาตรการมารองรับ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์



โมเดล จ.ชลบุรี เตรียมพื้นที่รับผู้ป่วย-ระดมทุนให้อสม.



          จังหวัดชลบุรี จัดหาโรงแรมต่างๆในจังหวัดรองรับสถานการณ์ หากจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลใน จ.ชลบุรี มีโรงแรมต่างๆ ที่จิตสาธารณะเข้าร่วมแล้ว 10 แห่ง ทั้งในตัวเมืองชลบุรี และพัทยา รองรับได้เป็น1,000 คน โดยได้เตรียมแผนทำหน้าที่ไว้เป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกคือ 1.ปรับเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วย และ2.ใช้เป็นสถานที่กักตัวตามรายชื่อกลุ่มที่ต้องกักตัว ตามที่ส่งมาจากสาธารณสุขและนายอำเภอทำร่วมกันจากการสืบสวน ผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19



          นอกจากนี้ มีการระดมทุนจากพ่อค้าและภาคีในพื้นที่ช่วยค่าใช้จ่ายประชาชนที่ถูกกักตัวอยู่ที่บ้านวันละ 300 บาท และช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายของกลุ่ม อสม.อีก 300 บาท ที่ทำหน้าที่ควบคุม และเมื่อย้ายไปกักตัวตามโรงแรมต่างๆ จะง่ายต่อการควบคุม อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลรายได้ที่ขาดหายไปด้วย ที่สำคัญยังสร้างความมั่นใจให้ชาวชลบุรีว่าจะไม่มีผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงออกไปใช้ชีวิตข้างนอกบ้านได้



หมอธนรักษ์ ขอให้ทุกคน ร่วมมือกันให้ “ความจริง” ฝ่าวิกฤตโควิด-19



          นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอแก้ว ผลิพัฒน์ ระบุข้อความสำคัญในสถานการณ์ช่วงนี้ว่า การสร้างความกลัวในช่วงที่มีการระบาดของโรคไม่ใช่ทางเลือกในการป้องกันโรคที่ดี เรื่องนี้นักระบาดวิทยาและนักควบคุมโรครู้กันมานานแล้ว ความกังวลและความกลัว นำมาซึ่งปัญหาการตีตรา การตั้งแง่รังเกียจกัน นำมาซึ่งปัญหาการปกปิดความจริง ทำให้โรคแพร่ระบาดต่อไปได้ง่ายขึ้น และสุดท้ายคือความแตกแยกในสังคม ดังที่เราเองก็เคยเห็นภาพความแตกแยกเหล่านี้เสมอๆ ในยามที่เรามีปัญหาโรคระบาดสำคัญๆ ในอดีตที่ผ่านมา “ศึกนี้เป็นศึกที่เราทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันจริงๆ เรื่องที่ต้องร่วมมือกันด้วยคือ การร่วมมือกันให้ “ความจริง” แก่สังคม การร่วมกันสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้เกิด สติ และปัญญา จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ และในระยะยาว



CR:Army times Thailand,เชียงใหม่นิวส์ 

ข่าวทั้งหมด

X