ความคืบหน้าการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูง ข่มขู่กรรโชกทรัพย์ ทวงหนี้มูลค่า 30 ล้านบาท ทั้งบังคับให้ผู้เสียหายลดมูลค่าหนี้ 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท เหตุเกิดท้องที่ สน.พระโขนง และ สน.วัดพระยาไกร พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น) กล่าวว่า พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 2 คน และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหาตามภาพสเกตซ์อีก 1 คน และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งหากโยงไปถึงบุคคลใดที่กระทำความผิดก็ต้องดำเนินการ กรณีที่พนักงานสอบสวน สอบปากคำพยานเพิ่ม 1 ปาก ซึ่งจากพยานได้ให้การว่า ผู้ต้องหาชุดเดิมที่มีพฤติกรรมก่อเหตุในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร และ สน.พระโขนง ได้ไปก่อเหตุไว้ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จะต้องเรียกพยานมาสอบปากคำเพื่อมัดตัวผู้ต้องหาอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ต้องมีการสอบปากคำพยานเพิ่มอีก ขณะนี้ก็รอฟังผลจากทาง สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี อีกครั้ง คดีนี้ผู้ต้องหาที่ไปก่อเหตุในพื้นที่ อ.คลองหลวง ก็ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ ทำสำนวนคดีขึ้นมาก่อน ถ้าเกิดสืบสวนแล้วพบว่าการกระทำดังกล่าว ของผู้ต้องหาที่เกิดขึ้นใกล้เคียงกับสำนวนคดีของบช.น. จึงจะต้องนำสำนวนทั้ง 2 มารวมกัน โดยจะต้องมีการขออนุมัติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนความคืบหน้าของสำนวนการสอบสวนคดีกรรโชกทรัพย์ทวงหนี้ผู้เสียหาย และข่มขู่ผู้เสียหายให้ลดหนี้ ว่า สำนวนทั้ง 2 คดี ที่บช.น.รับผิดชอบ ท้องที่สน.วัดพระยาไกร และสน.พระโขนง รวมทั้ง สน.คันนายาว กรณีนำตัวผู้ต้องหาไปค้นบ้านยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ คาดว่าจะสรุปส่งสำนวนให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาได้ไม่เกินวันที่ 10 ธ.ค. พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ ขณะที่ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ มีหลักฐานยืนยันหรือไม่ว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า กำลังติดตามจับกุมอยู่