หลังจากที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 2558 ไปแล้ว 5 วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาว่าจะห้ามประชาชนเดินทางเข้า-ออก ในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ รวมถึงมีหน้าที่สั่งปิดสถานที่เสี่ยง ห้ามจัดกิจกรรมชุมนุม และห้ามเล่นการพนันอย่างเด็ดขาด
ส่วนกรณีสินค้ามีราคาแพงขึ้น เพราะกิจการหลายแห่งที่ถูกสั่งปิด ทำให้ผู้ประกอบการบางรายฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า จึงให้กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ และดำเนินการได้ทันที ส่วนประชาชนหากพบให้รีบแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงเรื่องหนี้นอกระบบ ที่ผู้ปล่อยกู้อาจมีการขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้ จึงขอร้องให้มีการผ่อนผันหรือเลื่อนการผ่อนชำระหนี้ออกไปก่อน พร้อมขอให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามกฏหมายกำหนด ซึ่งหากพบผู้ปล่อยกู้นอกระบบ กระทำการที่ผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ตามกฎหมายโดยเด็ดขาด ไม่ละเว้น
ส่วนข้อเรียกร้องที่หลายคนอยากให้มีการสั่งปิดกรุงเทพฯ หรือห้ามเดินทางออกต่างจังหวัดจะต้องพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยย้ำว่าขอให้ทุกคนดูแลตัวเองอย่าไปพื้นที่ที่มีคนแออัดโดยต้องรับผิดชอบตัวเองและคนอื่นอยู่เสมอ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากรณีที่มีการเคลื่อนย้ายคนจำนวนมาก ซึ่งในการขนส่งของรัฐนั้นอาจจำเป็นต้องลดการให้บริการขนส่งสาธารณะลง หรืออาจต้องหยุดให้บริการ เพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสตามสถานการณ์และความเหมาะสม
ส่วนการควบคุมชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยนั้นยืนยันว่ามีเฉพาะคนที่มีพาสปอร์ตทำงานในประเทศไทย ส่วนคนไทยในต่างประเทศที่เดินทางกลับไทย โดยเฉพาะมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงจะต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ห่วงใยพระสงฆ์ในวัดต่าง ๆ ที่จะต้องเพิ่มมาตรการ เช่นในการทำบุญ การสวดมนต์ที่ต้องมีการเว้นระยะห่าง และกำหนดจำนวน กำหนดวิธีการต่าง ๆให้เหมาะสม ซึ่งนายกรัฐมนตรีทราบว่าทุกคนมีเจตนาที่ดี แต่ก็จำเป็นต้องช่วยกันคิด เพราะนายกรัฐมนตรีไม่สามารถลงรายละเอียดทุกเรื่องได้ จึงขอให้ข้าราชการ ภาคเอกชน ทุกหน่วยงาน ภาคประชาชน ช่วยกันหามาตรการที่เป็นของตัวเองออกมาเพื่อให้สอดรับกับมาตรการของรัฐ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก ฉุกเฉิน 2558 เกือบครบหนึ่งสัปดาห์ได้มีการทบทวนทุกมาตรการอย่างเข้มงวดโดยเบื้องต้นจะประเมินเดือนแรกก่อน เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สามารถใช้ได้ 3 เดือน หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อาจจะมีการประกาศมาตรการเข้มข้นตามลำดับเพื่อขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป
....