*ตร.ออกหมายจับแก๊งอดีตผบช.ก.อีก1คน และเด้งผกก.สภ.ฉะเชิงเทรา เซ่นค้าประเวณีสาวลาว*

04 ธันวาคม 2557, 14:23น.


พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช. )กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวกับเครือข่ายอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ล่าสุดพนักงานสอบสวนสามารถออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คน คือ นายเจี๊ยบ ไม่ทราบนามสกุล ตามความผิดข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งตำรวจมีข้อมูลว่า เป็นคนประสานระหว่าง นายนพพร ศุภพิพัฒน์ เศรษฐีเจ้าของธุรกิจ กับกลุ่มทวงหนี้ ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัวนายนพพร ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าและคาดว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ทั้งนี้ได้มีผู้เสียหายจากการถูกทวงหนี้เข้ามาร้องเรียนเป็นคนที่3 คือนายไตรสรณ์ ธีระตระกูล เจ้าของโรงน้ำแข็งตลาดไท โดยให้การว่าถูกนายชากานต์ ภาคภูมิ ผู้ต้องหาอีกคน มาขายตัดราคาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี2556 โดยแอบอ้างว่าเป็นธุรกิจของสถาบัน ซึ่งเจ้าตัวได้มีการแจ้งความไว้แล้วที่สภ.คลองหลวง นอกจากนี้ โฆษกสตช. กล่าวถึง ความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองนำกำลังเข้าตรวจค้นร้านอาหารลายอีสาน ในพื้นที่ สภ.ฉะเชิงเทรา พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การค้าประเวณี และสามารถจับกุมหญิงสาวชาวลาวได้ 50 คน ยึดของกลางจำนวนมาก อาทิ ถุงยางอนามัย บัญชีการขึ้นรอบค้าประเวนี และเงินสดอีกหลายหมื่นบาท ล่าสุด ผบ.ตร. มีหนังสือคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธนาวุฒิ จงจิระ ผกก.สภ.ฉะเชิงเทรา ไปปฎิบัติราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 ไม่มีกำหนด พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยคำสั่งดังกล่าวให้มีผลทันที จนกว่าจะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) วันนี้ มีมติทบทวนการใช้หลักเกณฑ์ความอาวุโสร้อยละ33 ในการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ว่าควรให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มอาวุโสร้อยละ33 ของตำแหน่งที่ว่าง ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือ ผู้มีอำนาจแต่งตั้ง มีสิทธิพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบ โดยให้ ก.ตร. และกองทะเบียน หาแนวทาง ซักซ้อมความเข้าใจการจัดทำบัญชีอาวุโสให้ข้าราชการตำรวจในลำดับที่เกี่ยวข้องรับทราบและเป็นไปแนวทางเดียวกัน ส่วนการแต่งตั้งตำรวจระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการวาระประจำปี2557 จะยังคงอยู่ในกรอบภายในวันที่ 31 ธันวาคม ดังเดิม



อภิสุข

ข่าวทั้งหมด

X