ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันอังคารที่ 31 มีนาคม 2563

31 มีนาคม 2563, 07:22น.


โฆษกคลัง ย้ำต้องแม่นยำ การคัดกรองเยียวยา 5,000 บาท ช่วยคนที่เดือดร้อนทุกคน




          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า เมื่อลงทะเบียน5,000 บาท เพื่อขอรับการเยียวยาจากรัฐบาลในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เจ้าหน้าที่จะคัดกรองทันที โดยเอไอทำงานเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของภาครัฐ และฐานข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ที่จะสามารถเชื่อมโยงหาตัวตนของคนที่ลงทะเบียนให้ใกล้เคียงที่สุดว่าคนที่ลงทะเบียนประกอบอาชีพอิสระจริงไหม เป็นลูกจ้าง แรงงานจริงหรือเปล่า อยู่ในประกันสังคมไหม และที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้นคือ ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือไม่ เพราะต้องการเยียวยากลุ่มที่ถูกเลิกจ้าง ถูกปิดสถานประกอบการ ถูกลดเงินเดือน เป็นกลุ่มแรก แม้ใช้เอไอตัดกรอง แต่อาจมีคนประกอบด้วย



ผลของการคัดกรอง จะออกมาทั้งหมด 3 กลุ่ม



      -กลุ่มที่ไม่มีปัญหา ผ่านเกณฑ์ทุกเกณฑ์ ชัดเจนว่าได้รับเงินเยียวยา



      -กลุ่มที่ชัดเจนว่าไม่ได้ เช่น อายุไม่ถึง 18 ปี อยู่ในระบบประกันสังคม ถูกตัดออกแน่นอนเหมือนกัน



      -กลุ่มที่สามคือที่อยู่ตรงกลาง ยังไม่แน่ว่าจะได้หรือไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไป เนื่องจากต้องขอข้อมูลประกอบบางเรื่องเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในกลุ่มคนที่ได้หรือไม่ได้



          การขอข้อมูลเพิ่มเติมจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละอาชีพ เช่นเป็นมัคคุเทศก์ อาจขอดูใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าค้าขาย ก็ต้องดูว่าขายอยู่ที่ไหน ถูกปิดจริงไหม กระทบจริงไหม ส่วนร้านค้าข้างทางจะต้องมีเอกสารเพิ่มเติมหรือไม่  นายลวรณ กล่าวว่า รอให้ระบบคัดกรองก่อน ไม่เพิ่มความยากลำบากให้ประชาชนแน่ จะขอเท่าที่จำเป็นและเพื่อความมั่นใจเท่านั้นเอง ความยากคือเราไม่เคยมีฐานข้อมูลของผู้ประกอบอาชีพอิสระในประเทศไทย เราตอบไม่ได้เลยว่ามีกี่คน อยู่ที่ไหน ทำอาชีพอะไร ถ้ามีฐานข้อมูลตรงนี้จะไม่เป็นปัญหาเลย ซึ่งต้องใช้เวลาบ้าง แต่เรายึดวันลงทะเบียนเป็นหลัก แม้กระบวนการยืดออกไป แต่ก็จะได้รับ 3 เดือนเท่ากัน ทั้งนี้อย่างเร็วสุด 7 วันทำการหลังลงทะเบียน จะทราบผลว่าได้หรือไม่ ช่วงแรกรัฐบาลอนุมัติเงินมา 45,000 ล้านบาท ถ้าไม่พอก็มีกระบวนการในการบริหารจัดการได้ ไม่ต้องห่วง เพราะเป็นนโยบายที่นายกฯ ให้ความสำคัญมาก จะกี่คนก็ตาม แต่ขอให้คัดกรองให้แม่นยำ และมั่นใจว่าได้เก็บตกคนที่เดือดร้อนทุกคน



          ส่วนการลงทะเบียนช่วงแรกที่คนมาลงทะเบียนกันมาก คาดว่า ประชาชนคงไม่มั่นใจว่าคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ จึงลงทะเบียนไว้ก่อน แล้วให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังตรวจสอบ ถ้าได้ก็รับ ไม่ได้ก็ไม่รับ ตัวเลขที่ประเมินไว้ไม่น่าจะสูงเนื่องจากดูจากแรงงานนอกระบบทั้งหมดว่าทำงานกี่คน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ เดิมประเมินการที่ 3 ล้านคน แต่ยอดการลงทะเบียนเมื่อช่วงเย็นเมื่อวานนี้ อยู่ที่ 20 ล้านเศษ

          เรื่องการดำเนินคดีกรณีให้ข้อมูลเท็จ นายลวรณ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ วันนี้เรากำลังจะช่วยเหลือเยียวยาคนที่ได้รับความยากลำบากในการดำรงชีวิตช่วงโควิด-19 จากที่เราควรประเมินข้อมูลสัก 10 ล้านราย แต่ต้องมาประเมิน 20 ล้านชุดข้อมูล อาจมองว่าเป็นสิทธิ แต่เป็นการเพิ่มภาระงานในการกลั่นกรองข้อมูลให้คนที่ถูกต้องได้รับเงินช้า แต่ต้องประเมินก่อนว่าเจตนาหรือไม่เจตนา แล้วจำนวนมีมากน้อยเพียงใด แต่การนำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อยู่แล้ว ส่วนเรื่องจะถูกเก็บภาษีย้อนหลัง กรมสรรพากรก็ยืนยันแล้วว่าไม่ใช้ฐานข้อมูลนี้ในการประเมินการเก็บภาษี

รอผลประชุมครม.!เพิ่มเงินช่วยผู้พิการอีกคนละ 1,000 บาท

          น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ที่ประชุมมีความห่วงใยผู้พิการซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จึงมีมติเห็นชอบ 4 มาตรการช่วยเหลือ



-การจ่ายเงินเยียวยาผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ 2,000,000 กว่าคนทั่วประเทศ รายละ 1,000 บาท เพิ่มเติมจากเบี้ยผู้พิการที่ให้ทุกเดือนอยู่แล้ว โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยจะประสานกรมบัญชีกลางเพื่อให้เงินโอนตรงเข้าบัญชีในเดือนเม.ย.



-พักชำระหนี้คนพิการที่กู้เงินจากกองทุนดังกล่าว เป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากเดือนเม.ย. มีจำนวนลูกหนี้ 1.34 แสนราย มูลหนี้ 3.8 พันล้านบาท



-เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ทบทวนมติในการเพิ่มเบี้ยผู้พิการ เป็น 1,000 บาท ให้ผู้ที่มีบัตรผู้พิการทุกคนทั่วถึง 2,000,000คน แม้ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ



-ให้อนุกรรมการฯปรับระเบียบการกู้เงินกองทุนฯ ให้ผู้พิการกู้ได้ รายละไม่เกิน 10,000 บาท โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ไม่มีดอกเบี้ย ระยะเวลาปลอดการชำระหนี้ 1 ปี วงเงิน 2,000 ล้านบาท 



คลัง คาดใช้งบฯกว่า 400,000 ล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3

          นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาชุดมาตรการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ ชุดที่ 3 มีการหารือร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันคิดสร้างความเข้มแข็งต่อเนื่องให้เศรษฐกิจฐานราก ยังไม่เสนอครม.วันนี้ เพราะต้องศึกษารายละเอียดก่อน คาดว่าจะใช้งบประมาณมากกว่ามาตรการชุดที่ 1 และชุดที่ 2 หรือมากกว่า 400,000 ล้านบาท ผ่านนโยบายต่าง ๆ ที่ยึดโยงไปทุกพื้นที่ มาตรการชุดนี้จะช่วยดูแลทั้งประชาชน ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก เพราะกลุ่มเหล่านี้ปัจจุบันรายได้หายไป ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยากขึ้น



           ส่วนที่มีข่าวว่ากระทรวงการคลังถังแตกและจำเป็นต้องกู้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รมว.คลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังไม่ได้ถังแตกและไม่มีความจำเป็นต้องกู้จาก IMF แน่นอน โดยการจัดสรรงบประมาณ สำนักงบประมาณดูแลอย่างรอบคอบและรัดกุม โดยแหล่งเงินทุนที่จะใช้นั้น จะมีทั้งงบประมาณและส่วนอื่นที่กำลังพิจารณามาเสริมกัน ยืนยันดูแลเรื่องการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง ขอให้มั่นใจว่าฐานะการคลังของไทยเข้มแข็ง ส่วนจะโยก พ.ร.บ.งบประมาณ หรือการออก พ.ร.ก.กู้เงิน หรือไม่ สำนักงบประมาณกำลังพิจารณาทุกทางเลือกที่เหมาะสม



          กรณีที่สายการบินของไทย เตรียมขอกระทรวงการคลัง พิจารณาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Softloan) วงเงิน 16,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19  รมว.คลัง กล่าวว่า กรมสรรพสามิตดำเนินการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน ส่วนมาตรการอื่น เช่น การเสริมสภาพคล่อง ขณะนี้มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารออมสิน วงเงิน 150,000 ล้านบาท ขอให้ภาคการบิน ภาคธุรกิจท่องเที่ยวมาใช้ได้ ปัจจุบันยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใหม่เข้าไปเสริม 




จับได้แล้ว ! ผู้ต้องขังที่หลบหนีช่วงเหตุจลาจลเรือนจำบุรีรัมย์



          การติดตามตัว นายธันยพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดียาเสพติด ที่หลบหนีออกมาเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ในช่วงที่กลุ่มผู้ต้องขัง ก่อเหตุจลาจลภายในเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ล่าสุด รายงานระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่ไปติดตามควบคุมตัวนายธันยพงศ์ ได้แล้ว หลังจากที่เจ้าหน้าที่ไปพบรถจักรยานยนต์และเสื้อผ้า และคิดว่าน่าจะมีคนพาหลบหนีจึงเร่งติดตาม



          เมื่อวานนี้ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่พบว่าอาคารภายในเรือนจำ เสียหายจากการถูกเพลิงไหม้อย่างหนัก ไม่สามารถกลับมาใช้การได้ จึงได้มีการขนย้ายผู้ต้องขังของเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์กว่า 2,000 คน ไปควบคุมตัวตามเรือนจำใกล้เคียงแล้ว



แฟ้มภาพ กระทรวงการคลัง



 

ข่าวทั้งหมด

X