นายกฯ เผยยังไม่มีมาตรการเพิ่มขอให้ทุกคนคุมใจตัวเองให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 พูดคุยกับหลายฝ่ายติดตามสถานการณ์ มีการสอบถามว่าในขณะนี้ต้องกำชับเรื่องใดเพิ่มเติมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำชับมาตรการไปหมดแล้ว โดยให้แต่ละส่วนชี้แจงข้อมูล เมื่อถามว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันเป็นห่วงและจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรเพิ่ม ก็ให้ทำตามมาตรการจะได้ลดลง เมื่อถามย้ำว่าจะมีมาตรการที่เข้มข้นกว่านี้อีกหรือไม่ เพราะบางจังหวัดมีมาตรการที่เข้มข้นและปิดพื้นที่ไปแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คุมใจตัวเองให้ได้แล้วกัน
จ.ภูเก็ต ย้ำขอให้ปชช.เข้าใจปิดด่านท่าฉัตรไชย สกัดโควิด-19
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ด่านท่าฉัตรไชย ซึ่งเป็นด่านเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ต เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ปิดด่านท่าฉัตรไชยห้ามเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ต หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ออกประกาศจังหวัดภูเก็ตฉบับที่ 11/2563 ปิดช่องทางเข้า-ออกในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตระหว่างวันที่ 30 มี.ค. -30 เม.ย. รวมระยะเวลา 1 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบว่า หลังจากที่จังหวัดภูเก็ตออกประกาศฉบับดังกล่าวมาเมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มี.ค. ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ตจำนวนมากทยอยออกจากพื้นที่ ขณะที่ชาวภูเก็ตที่อยู่ต่างจังหวัดก็เร่งเดินทางเข้ามาก่อนที่จะมีการปิดด่าน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจวัดไข้ของผู้เข้า-ออก ทุกราย
จากนั้นเมื่อถึงเวลา 00.01 น. เจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์มาทำการปิดกั้นด่านห้ามรถเข้า-ออกทันที ระหว่างนั้นพบว่ายังมีประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตหลายสิบรายที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดกลับมาบ้านในจังหวัดภูเก็ตไม่สามารถเข้าได้และมีการรวมตัวกันเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่ว่าได้รับความเดือดร้อนกลับเข้าพื้นที่ไม่ทันเวลาเนื่องจากทางจังหวัดออกประกาศแบบฉุกเฉินเดินทางเข้ามาไม่ทัน ทำให้นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ต้องเจรจาอธิบายเหตุผลที่จังหวัดต้องออกประกาศแบบฉุกเฉิน เนื่องจาก ขณะนี้จังหวัดภูเก็ตมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นทุกวัน เจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นต้องออกประกาศฉบับดังกล่าวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและรักษาความปลอดภัยของชาวภูเก็ตให้ได้มากที่สุด แต่ก็อนุโลมให้ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวเข้าพื้นที่ได้ เนื่องจากเดินทางมาในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวแต่ทุกคนต้องผ่านการคัดกรอง สอบสวนและวัดไข้จากเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2563 นี้จังหวัดจะไม่อนุญาตให้มีการเข้าออกภายในจังหวัดโดยเด็ดขาดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
ธปท.เผยแรงงานภาคการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ติดตามผลกระทบของตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 กระจายตัวเกือบทั่วประเทศ จากการสำรวจข้อมูลและความเห็นของผู้ประกอบการครอบคลุมในแหล่งท่องเที่ยวและที่เกี่ยวข้องในช่วงเดือน ก.พ. และ มี.ค. พบว่าแรงงานในเกือบทุกภูมิภาคได้รับผลกระทบโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยว ทั้งการหยุดกิจการชั่วคราวที่เร่งขึ้น รายได้โอทีที่ลดลง และการเปลี่ยนรูปแบบการจ้างงาน
แรงงานจำนวนมากที่อยู่ในสาขาเกี่ยวกับท่องเที่ยว ประกอบด้วย โรงแรม ภัตตาคาร การจัดทัวร์ นันทนาการ การขนส่งผู้โดยสาร และการค้าที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว การค้าอาหาร โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต มีสัดส่วนกลุ่มนี้ที่เสี่ยงได้รับผลกระทบมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 56 ชลบุรี ร้อยละ 31 กรุงเทพฯ ร้อยละ 30 เป็นต้น ขณะเดียวกันมีสัดส่วนร้อยละ 20 เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงทำให้กระทบต่อรายได้ เช่น นักร้อง นักแสดง
พณ.จับคนขายไข่แพง –ไม่ติดป้ายราคา รวม 21 ราย
นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยถึงผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายไข่ไก่เกินราคา ที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ 2542 ระหว่าง วันที่ 26-28 มีนาคม ว่าดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดทั้งประเทศได้จำนวน 21 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ จำนวน 2 ราย ได้แก่ เขตบางกอกน้อย 1 ราย ข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 28 ไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย และ เขตราชเทวี 1 ราย ซึ่งได้แจ้งข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 29 จำหน่ายไข่ไก่ในราคาสูงเกินสมควร
ส่วนในต่างจังหวัด มีจำนวน 19 ราย แบ่งเป็นการกระทำความผิด ตามมาตรา 28 ไม่ติดป้ายแสดงราคาจำหน่าย จำนวน 12 ราย (จังหวัดละ 1 ราย) ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสระแก้ว จังหวัดพังงา จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเชียงราย และจังหวัด พระนครศรีอยุธยา
นอกจากนี้ มีความผิดตามมาตรา 29 ข้อหาจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร จำนวน 5 ราย ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ 2 ราย จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดอ่างทอง จังหวัดละ 1 ราย
ความผิดตามมาตรา 28 และมาตรา 29 ไม่ปิดป้ายแสดงราคาและราคาสูงเกินสมควร จำนวน 2 ราย คือ จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โทษที่ผู้กระทำความผิดได้รับในข้อหาขายเกินราคาควบคุม (มาตรา 25) จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย (มาตรา 28) มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท
แฟ้มภาพ ทำเนียบรัฐบาล