*เสนอห้ามสส.-สว.เป็นรมต./ผบ.ทบ.ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก/พ่อพาลูกป.3พบตร.ให้ขับรถ*

04 ธันวาคม 2557, 08:22น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น.



+++นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในฐานะรักษาการประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ยื่นข้อเสนอแนะจากคณะทำงานการปฏิรูปด้านการเมือง ทปอ.  ต่อนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)เพื่อประกอบการพิจารณา สำหรับข้อเสนอแนะจาก ทปอ.อาทิ ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจทางการเมือง โดยให้แยกอำนาจบริหาร และอำนาจนิติบัญญัติออกจากกัน ให้มีการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงจากประชาชนแบบเดียวกับผู้ว่าฯ กทม. หรือนายกฯ อบจ. นอกจากนี้ ส.ส.มีที่มาจากสองช่องทางคือเลือกตั้งระบบเขตผู้สมัครไม่ต้องสังกัดพรรค และเลือกตั้งมาจากแต่ละสาขาอาชีพ และห้ามส .ส.ไปทำงานฝ่ายบริหาร รวมทั้งเสนอให้มีสภาพลเมืองไม่เกิน 900 คน มาจากประธานสภาเทศบาลเลือกกันเองอำเภอละ 1 คน เพื่อตรวจสอบการทำงานฝ่ายบริหารและสะท้อนปัญหา



+++ด้านนายเทียนฉาย กล่าวว่า จะนำข้อมูลที่ได้นี้ไปสังเคราะห์ใช้ประโยชน์ในการปฏิรูปต่อไป ยังต้องนำไปพิจารณาในที่ประชุม สปช.และอาจมีความเห็นเพิ่มเติมต่อไป โดยจะเริ่มประชุมวันที่ 15-17 ธ.ค.นี้ และพิจารณาขัดเกลาวันสุดท้ายวันที่ 18 ธ.ค.เพื่อส่งให้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 19 ธ.ค. และจะแถลงรายละเอียดครั้งใหญ่ในวันดังกล่าวด้วย



+++นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าววา โครงสร้างของฝ่ายนิติบัญญัติ กำหนดให้มี 2 สภา คือสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองกฎหมายและตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร รวมถึงให้อำนาจในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ห้าม ส.ส. และ ส.ว.เป็นรัฐมนตรี โดยที่มาของ ส.ส.และ ส.ว. ให้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยกำหนดให้ 1 เขต มี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน หรือระบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ ซึ่งจะทำให้ซื้อเสียงยากขึ้น ส่วน ส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละ 1 คน และอีกครึ่งหนึ่งมาจากการเลือกตั้งขององค์กรวิชาชีพและกลุ่มอาชีพต่าง ๆ



+++นางถวิลวดี บุรีกุล ประธานอนุกมธ.การมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงผลหารือการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ ใน 10 พื้นที่ว่าจะจัดเวทีแรกที่จ.สุพรรณบุรีช่วงวันที่ 17 – 18 ม.ค. 2558 นี้ ผู้ร่วมเวทีจะมีจำนวน 200 คน มาจากวิธีการสุ่มเลือกทางหลักสถิติในกลุ่มประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 160 คน และอีก 40 คนจะเลือกผู้เข้าร่วมเวทีจากกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ



+++นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. กล่าวถึงข้อเสนอการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ว่า เป็นเรื่องที่ต้องเริ่มจากรัฐบาลไม่ใช่เริ่มจาก สนช. ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าให้ สนช.เป็นเจ้าภาพในเรื่องดังกล่าวนั้น ตนเข้าใจว่าถ้ากฎหมายเข้ามายัง สนช.ก็จะต้องพิจารณารายละเอียดให้เป็นไปตามหลักการ ทั้งนี้ สนช.ไม่ได้ศึกษาประเด็นการนิรโทษกรรมไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นเรื่องหลักการที่ขึ้นอยู่กับแนวคิดในช่วงเวลาหนึ่ง แต่หากออกกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วสร้างความขัดแย้ง สนช.ก็จะไม่สนับสนุน



+++ตัวแทนนักศึกษากลุ่มดาวดิน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ยืนยันไม่มีการรับเงินจากใครมาเคลื่อนไหวทั้งสิ้น นพ.นิรันดร์ ระบุว่า อาจจะประสานพล.ท.กัมปนาท ให้มาชี้แจงกับ กสม.อีกครั้ง และเชิญนักศึกษากลุ่มดาวดินมาพบกับ พล.ท.กัมปนาท โดยตรงน่าจะดี จะได้มีความชัดเจน



+++พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)และเลขาธิการคสช.กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่1 เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและตนเป็นผบ.ทบ. ซึ่งต่อไปถ้ามีอะไรก็มาถามตนได้ เรื่องนี้อาจจะมีข้อมูล แต่ต้องตรวจสอบต่อไป ส่วนกลุ่มนักศึกษานั้น ไม่ได้ปิดกั้นอะไรแต่อยากตั้งคำถามว่าสิ่งที่ทำกับผู้นำสูงสุดของประเทศสมควรหรือไม่ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็เห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ด้วยความตั้งใจดี ส่วนงแนวโน้มการยกเลิกกฎอัยการศึกในช่วงปีใหม่ในพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อลดความกดดันกระแสการต่อต้าน ผบ.ทบ. กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยอมรับว่ามีแต่ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป ถ้าสถานการณ์นิ่งก็ไม่จำเป็นต้องใช้แต่หากยังมีกระแสอะไรอยู่บ้างก็ยังจำเป็นอยู่



+++พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวนักการเมืองท้องถิ่นอยู่เบื้องหลังการออกมาต่อต้านการรัฐประหารของกลุ่มนักศึกษาที่ จ.ขอนแก่น ว่าขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทยมีการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปรองดอง หากมีการลงพื้นที่จะมีการเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจว่าสิ่งใดทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อชาติ สิ่งใดที่ไม่ควรทำ



+++เมื่อวานนี้  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชิญผู้บริหารสื่อ 16 สำนัก ชี้แจงการยึดอำนาจที่เกิดขึ้นไม่ได้คิดว่าจะยึดให้ใคร เพียงแต่อยากหยุด 2 ฝ่ายไม่ให้ตีกันส่วนประเด็นยิงคนในวัดปทุมวนาราม เรามีหลักฐานโยงถึงคนยิงทุกคน และตอนนั้นตำรวจก็อยู่ในวัดปทุมฯ ทำไมถึงไม่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ ป้องกันเหตุร้าย และที่มีการถ่ายรูปทหารได้ ก็เป็นเพราะทหารคนนั้นไปยืนแอ๊คให้เขาถ่ายรูปเอง ทราบดีว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง กลุ่มใด หนังสือพิมพ์รับเงินจากใคร ให้มาเขียนด่าผม



+++วันนี้ นายกรัฐมนตรี เปิดงาน "เศรษฐกิจดิจิตอล พลิกโฉมประเทศไทย" ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เวลา 08.30-12.00 น. จากนั้นเวลา 11.00 น.จะไปเป็นประธานเปิดงานวันสิ่งแวดล้อมไทย และวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) ที่อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี



++++ส่วนนายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 ระบุว่า วันนี้จะส่งฟ้อง 2 ผู้ต้องหาสัญชาติพม่าในคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.



+++ส่งคืนท่อก๊าซ นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) แถลงข่าวกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แบ่งแยกทรัพย์สินส่วนทั้งหมดที่เป็นสาธารณสมบัติ และสิทธิการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ และให้ สตง.ตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง  โดยทรัพย์สินที่ ปตท.ส่งมอบคืนแก่กระทรวงการคลังแล้ว เป็นท่อก๊าซธรรมชาติที่อยู่บนบกเพียงบางส่วนเท่านั้น คิดเป็นมูลค่า 16,176.22 ล้านบาท ยังมีท่อก๊าซธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเลที่ ปตท.ยังไม่ได้แบ่งแยกและส่งมอบให้ มูลค่า 32,613.45 ล้านบาท ซึ่ง สตง.ส่งผลรายงานการตรวจสอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ ปตท.ไม่ได้นำรายงานผลการตรวจสอบของ สตง.แจ้งต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาด้วย ที่ผ่านมา สตง.ได้โต้แย้งมาตลอดตั้งแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบัน แต่ไม่ได้รับความสนใจจากกระทรวงการคลัง  นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เตรียมนัดหารือกับนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถึงกรณี สตง.ระบุถึงกรณีท่อก๊าซของ ปตท. ส่วนตัวมองว่า สตง.ออกมาผลักดันเรื่องนี้เป็นการทำเกินกว่าอำนาจของศาลหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน



+++ปิดท้ายแชร์คลิปเด็กหญิงป.3 ขับรถยนต์บนท้องถนนตามลำพัง บนถนนทางหลวงในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายยงยุทธ ฆังคะประทุม อายุ 38 ปี พ่อของเด็กที่อยู่ในคลิปดังกล่าว  ยอมรับว่า ผิดที่ปล่อยให้ลูกขับรถและหลังจากนี้ไปจะให้น้อหยุดขับรถจนกว่าจะมีอายุครบตามกฎหมายกำหนด และขอโทษสังคมที่ได้ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเชื่อในพรสวรรค์และความสามารถของบุตรสาวมากเกินไป และในวันนี้  4 ธ.ค.นายยงยุทธ จะพาบุตรสาวไปพบเจ้าพนักงานจราจร สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ยินยอมให้เด็กอายุไม่ถึง 18 ปี และไม่มีใบอนุญาตขับรถ ข้อหาผู้ขับขี่มีอายุไม่ถึง 18 ปี และยังไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับต่อไป

ข่าวทั้งหมด

X