นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ว่ามีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเป็น 197 ประเทศ สหรัฐฯ มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อมากเป็นอันดับที่ 1 ตามมาด้วยอิตาลี และ จีน แต่อิตาลี มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก
-ในส่วนประเทศไทย วันนี้มีผู้ป่วยกลับบ้านได้เพิ่มอีก 3 คน รวมเป็น 100 คน
-เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นผู้ป่วยที่มีอาการหนัก เป็นหญิง อายุ 55 ปี มีโรคเบาหวาน ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี ไขมันในเลือดสูง มารักษาตัวที่โรงพยาบาล มีอาการ หอบ เหนื่อย มีอาการปอดอักเสบรุนแรง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ รวมผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย
-พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,139 คน
-พบผู้ป่วย รายใหม่ 109 คน ทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมรวม 1,245 คน
กลุ่มที่ 1.ผู้ป่วยติดเชื้อที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อจากสถานที่ต่างๆ 39 คน แบ่งเป็น
-สนามมวย 10 คน อยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด เนื่องจากวันที่ 6 -15 มีนาคม เวทีมวยราชดำเนิน เวทีมวยลุมพินี ยังคงดำเนินรายการอยู่ และปิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ตามคำสั่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำให้ยังพบผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้อยู่
-สถานบันเทิง 8 คน ในกรุงเทพฯ และพบในต่างจังหวัด
-กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 21 คน
กลุ่มที่ 2. กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ 17 คน
-กลุ่มเดินทางกลับจากต่างประเทศ 8 คน เป็นคนไทย 6 คน เดินทางกลับจากสหรัฐฯ เยอรมัน ญี่ปุ่น อินเดีย และอีก 2 คนเป็นคนต่างชาติ
-กลุ่มทำงานในสถานที่แออัดใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับต่างชาติ 7 คน
-บุคลากรทางการแพทย์ 2 คน รวมผู้ป่วยสะสม11 คน
กลุ่มที่ 3. ผู้ป่วยติดเชื้อรอการสอบสวนโรค 53 คน
ส่วนผู้ป่วยอาการหนักมี 17 คน พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 12 คน ส่วนอีก 5 คน อยู่ในต่างจังหวัดที่เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี เพชรบูรณ์ นครราชสีมา และ บุรีรัมย์ อายุระหว่าง 31-76 ปี
นพ.อนุพงศ์ ระบุว่า ผู้ติดเชื้อที่อายุน้อยสุด 6 เดือน อายุมากสุด 84 ปี ส่วนใหญ่ผู้ป่วยอยู่ในช่วงอายุ 30 -39 ปี และพบว่าเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อกระจายไปทั่วประเทศ 57จังหวัด กรุงเทพฯ ยังพบผู้ติดเชื้ออันดับ 1 จำนวน 515 คน รองลงมาคือ จ.นนทบุรี จำนวน 65 คน ภูเก็ต จำนวน 41 คน ยะลา 40 คน เป็นต้น ช่วงวันที่ 12-18 มีนาคม ผู้ติดเชื้อส่วนมากอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ช่วงวันที่ 19 -28 มีนาคม พบว่า ผู้ติดเชื้อได้กระจายไปในพื้นที่อื่นๆตามต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น จากการสอบสวนพบว่า ส่วนใหญ่ ติดเชื้อมาจากคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯหรือพื้นที่พบผู้ป่วยติดเชื้อมาก่อนและเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมากด้วย
กรณีที่หลายโรงพยาบาล ระบุว่า อุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ไม่เพียงพอ นพ.อนุพงศ์ ระบุว่า องค์การเภสัชกรรม จะกระจายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลต่างๆ ทุกแห่ง จะได้จำนวนอุปกรณ์ทางการแพทย์เหมาะกับตัวเลขผู้ป่วยและต้องสอดคล้องกับตัวเลขการนำเข้าด้วย ส่วนเรื่องการขอรับบริจาค ไม่เคยห้าม สามารถรับบริจาคตามศรัทธาของประชาชน เป็นการเก็บสต็อกไว้ใช้
ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ร้อยละ 0.5 ขณะที่สัดส่วนผู้เสียชีวิตส่วนมากจะอายุ 70 ปี ขึ้นไปและทุกคนมีโรคประจำตัว ดังนั้นผู้สูงอายุและเด็ก ไม่ควรออกจากบ้าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เพราะกลุ่มดังกล่าวหากติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่า อยากให้มั่นใจว่าเราดำเนินการตามหลักการ และแน่นอนว่าต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนอย่างมาก