การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ (26 มีนาคม 2563) น.พ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า
-พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 111 คน แบ่งเป็น
1.กลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 29 คน
-กลุ่มผู้ป่วยที่ติดจากสนามมวย 6 คน
-กลุ่มผู้ป่วยที่ติดจากสถานบันเทิง 13 คน
-กลุ่มที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนา 1 คน จ.ปัตตานี
-กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 19 คน
2.กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ 19 คน
-กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 6 คน แบ่งเป็น คนไทย 5 คน ชาวต่างชาติ 1 คน
-กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ อยู่ในที่แออัด สัมผัสใกล้ชิดกับคนต่างชาติ 9 คน
-บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 คน รวมติดเชื้อ 9 คน
-ปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 1 คน
3.กลุ่มที่รอผลการตรวจสอบยืนยัน 63 คน
-ทำให้ในวันนี้ ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 1,045 คน
-เสียชีวิต 4 ราย
-หายป่วยกลับบ้านได้เพิ่ม 18 คน รวมผู้หายป่วย 88 คน
-ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 953 คน
-อาการหนัก 4 คน ทุกคนใส่เครื่องช่วยหายใจ เฝ้าระวังใกล้ชิดในโรงพยาบาล
นพ.อนุพงค์ กล่าวว่า จุดเปลี่ยนประเทศไทย คือ ช่วงหลังวันที่15 มีนาคม 2563 ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากหลักสิบถึงหลักร้อย เพราะก่อนหน้านี้ใช้ผลแล็บ 2 แห่ง ยืนยันผู้ติดเชื้อ แต่ขณะนี้เราใช้แล็บเดียว ทำให้พบว่าเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 พบผู้ป่วยมากถึง188 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยมาจากสนามมวยและเป็นช่วงที่ประชาชนคนไทยไปร่วมพิธีทางศาสนาที่มาเลเซียเดินทางกลับมาด้วย ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มแรก จากสนามมวย สถานบันเทิง และเดินทางกลับจากการทำพิธีทางศาสนา พบผู้ติดเชื้อประมาณ 20-30คนต่อวัน แสดงว่า ประชาชนกลุ่มเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ เรื่องการเว้นระยะห่างในบ้านทำให้นำเชื้อมาแพร่ให้กับคนในครอบครัว
ส่วนกลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ พบทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด วันละประมาณ 10-20 คนต่อวัน แสดงถึงความตระหนักเรื่องการป้องกันตัวเองของประชาชนยังไม่ดีพอ ยังไม่งดการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ยังไปในพื้นที่คนแออัด ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่หมั่นล้างมือ ทั้งนี้ หากพบตัวเลขผู้ป่วยหลักร้อยไปถึง 30 เมษายน 2563 จะมีผู้ป่วยสะสม 3,500 คน อาจเพราะเราออกมาตรการไม่แรงพอ ประชาชนยังออกมาทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ แต่ถ้าทุกคนร่วมมือกันตัวเลขจะไม่สูง
ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาติดตามอาการผู้เสี่ยงติดเชื้อ 3 ช่องทาง นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า
-แอปพลิเคชั่น Aot airports ใช้กับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศ หรือ กลับจากประเทศเสี่ยง หรือประชาชนทั่วไป จะนำไปกักตัวที่รัฐจัดสรรให้ หรือ กลับไปกักตัวที่บ้าน เพื่อจะติดตามตัว ติดตามอาการผ่านมือถือ จะมีการกรอกข้อมูลสถานที่การกักตัว รายงานอาการแต่ละวัน เมื่อผู้ที่กักตัวเองปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องหรือไม่กักตัว จะมีสถานะเป็นสีส้ม จะมีเจ้าหน้าที่อาสาประจำจังหวัดเข้าไปตักเตือน และต่อมาหากพบว่าติดเชื้อจะสามารถนำมาเป็นข้อมูลว่าเดินทางไปไหนมาบ้าง ใครเป็นผู้ใกล้ชิดบ้าง ปัจจุบันมีคนใช้กว่า40,000คน
-แพลตฟอร์ม covid-19.ddc.moph.go.th รายงานสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ คนรักษา เสียชีวิต ในแต่ละวันที่ถูกต้องและได้รับการยืนยัน จากกระทรวงสาธารณสุข และตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาด เช่น ค่าเฉลี่ยช่วงอายุ จุดพบผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้ ประชาชนสามารถประเมินอาการตัวเองในเบื้องต้นได้ด้วยว่าตัวเองมีความเสี่ยงติดเชื้อหรือไม่ พร้อมคำแนะนำในการปฏิบัติตัว
-แชทบอร์ดในแอปพลิเคชั่นไลน์ @sabaibeebot ประชาชนเข้าสู่ระบบรายการสุขภาพ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ และเมื่อไปตรวจเชื้อจะได้รับแจ้งผล หากผลตรวจพบติดเชื้อ ข้อมูลจะถูกส่งไปที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษา