การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงการขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่แต่ภายในบ้าน ทำให้ธุรกิจส่งอาหาร หรือเดลิเวอรี่ได้รับความนิยม ทำให้ในวันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน ‘Clean Together คนไทยรวมพลังป้องกันโรค’ โดยมีตัวแทนจากภาคเอกชน เช่น ธุรกิจส่งอาหารเดลิเวอรี่ ประกอบด้วย ไลน์แมน, ฟู้ดแพนด้า, เก๊ท, แกร็บฟู้ด เข้าร่วม เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้ขนส่งอาหาร ตระหนักถึงความปลอดภัยทั้งในเรื่องการปรุงประกอบอาหาร การขนส่ง สุขวิทยา
นายอนุทิน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่ต้องใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกซื้อวัตถุดิบจากตลาดสดที่ได้มาตรฐานหรือมีป้ายรองรับตลาดสดน่าซื้อของกรมอนามัย ต้องปรุงสุกใหม่ บรรจุอาหารในภาชนะที่เหมาะสม ไม่ใช้โฟมบรรจุอาหาร ปกปิดมิดชิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนในระหว่างการขนส่ง มีการติดฉลากที่ระบุชื่อร้านอาหารวัน/เดือน/ปี/เวลาที่ผลิต ระยะเวลาและอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บรักษาอาหาร จัดสถานที่ให้เพียงพอกับจำนวนคนส่งอาหารที่เข้ามาใช้บริการโดยจัดระยะห่าง 1 เมตรและมีการระบายอากาศที่เหมาะสม
ส่วนคนขนส่งอาหารต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการไอ จาม ปนเปื้อนลงไปในอาหารและได้รับเชื้อโรคระหว่างให้บริการ หมั่นล้างมือบ่อยๆด้วย สบู่ และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ก่อนเข้าร้านอาหารและหลังการส่งอาหาร ส่วนผู้บริโภคเมื่อได้รับอาหารแล้ว ควรตรวจสอบคุณภาพอาหาร เช่น ความสะอาด สภาพอาหารต้องไม่มีกลิ่นบูดเสีย บรรจุในภาชนะที่เหมาะสม
สำหรับการใช้แพลตฟอร์ม Clean Together สามารถแสกนคิวอาร์โค้ดหรือเข้าไปที่ https://stopcovid.anamai.moph.go.th มีไว้เพื่อประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อ ทั้งสถานประกอบการ ผู้ขนส่งอาหาร ผู้ใช้บริการ กลุ่มผู้ประกอบการสามารถเข้าไปประเมินสถานประกอบของตนเองว่า ได้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโควิด-19 ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ หากทำได้ครบตามข้อกำหนดก็จะสามารถปักหมุดพิกัดสถานประกอบการไว้ในแพลตฟอร์มว่าเป็นสถานประกอบการที่มีมาตรการในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งผู้ใช้บริการหรือประชาชนทั่วไปก็สามารถประเมินตัวเองได้และยังตรวจสอบพิกัดโรงแรม ร้านค้า หรือรถขนส่งสาธารณะได้ ผู้ขนส่งก็จะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อประเมินว่าตนเองมีความเสี่ยงหรือไม่
หลังจากนั้น นายอนุทิน ยังได้รับมอบเวชภัณฑ์จากมูลนิธิแจ็คหม่า และมูลนิธิอาลีบาบา ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย จำนวน 500,000 ชิ้น,ชุดป้องกัน(PPE) จำนวน 50,000 ชุด และ หน้ากากป้องกัน N95 จำนวน 50,000 ชิ้น ให้กับคนไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ตัวแทนจากมูลนิธิแจ็คหม่า และ มูลนิธิอาลีบาบา ระบุว่า ในช่วงที่จีนประสบปัญหา ทางการไทยก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ขณะนี้ไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มูลนิธิจึงต้องการที่จะให้ความช่วยเหลือชาวไทย ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า หลังจากนี้ จะนำอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับทั้งหมดเข้าระบบเพื่อนำไปจัดสรรแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยมากขึ้น