การประกาศพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงรายละเอียดประกาศ ดังนี้
-ไม่มีคำสั่งเคอร์ฟิวสั่งห้ามประชาชนออกจากบ้าน ประชาชนจึงยังออกจากบ้านได้ตลอดเวลา
-ไม่มีการสั่งปิดประเทศ เนื่องจาก คนไทยยังเดินทางกลับเข้าประเทศได้
-ยังไม่มีการปิดเมือง เพราะประชาชนยังเดินทางข้ามจังหวัดได้
สำหรับประกาศที่อาศัยอำนาจพระราชกำหนดที่จะออกมาจะมีทั้งสิ้น 4 ฉบับ สาระสำคัญอยู่ที่ฉบับ 4 ว่าด้วยข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการควบคุมพฤติกรรมของประชาชนทั่วประเทศ มีทั้งสิ้น 15-17 ข้อ แบ่งเป็น 3 ประเภทพฤติกรรม ประกอบด้วย
-ห้ามทำ, ให้ทำ และควรทำ
ห้ามทำ
-ห้ามเข้าพื้นที่เขตกำหนด เช่นสนามมวย สถานบันเทิง ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสาธารณะ หรือ ทางธรรมชาติ ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม
-ห้ามเดินทางเข้าในราชอาณาจักรโดยยานพาหนะทุกจุด ทุกด่าน ยกเว้น ผู้มีสัญชาติไทย เพียงแต่ต้องมีเอกสารสำคัญใบรับรองทางการแพทย์ และยังยกเว้นบุคคลในคณะทูตโดยแจ้งกระทรวงการต่างประเทศของไทย ต้องมีใบรับรองแพทย์ และผู้ขนส่งสินค้า เมื่อส่งสินค้าเสร็จต้องออกไปโดยเร็ว ห้ามชุมนุม ห้ามเผยแพร่ข่าวเท็จ ทำให้เกิดการตื่นตระหนก
ให้ทำ
-เช่นให้หน่วยงานเตรียมบุคลากร เตรียมยา โรงพยาบาลสนาม สถานที่ หรือเช่าโรงแรม พักรักษาหรือกักกันผู้ป่วย รวมถึงการใช้อาคารเอกชนเป็นโรงพยาบาลสนามให้พร้อม ซึ่งปัจจุบันมีการเตรียมการไปแล้วบางส่วน
ควรทำ
-เป็นคำแนะนำ บุคคล 3 กลุ่มคือ บุคคลที่อายุเกินกว่า 70 ปีขึ้นไป บุคคลที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดัน ทางเดินหายใจ โรคปอด และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่ควรออกจากบ้าน
ส่วนประกาศ 3 ฉบับที่เหลือ
-ฉบับแรกจะเกี่ยวกับการโอนอำนาจ 40 ฉบับเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ เเละเป็นการโอนอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆมาเป็นของนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการสั่งการเสมือนนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้ากระทรวง แต่รัฐมนตรียังคงเป็นเจ้ากระทรวงเหมือนเดิม ส่วนสาเหตุที่เว้นระยะ 2 วันก่อนประกาศใช้จริง เพื่อชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ และเจ้าหน้าที่ต้องรับรู้เตรียมพร้อมปฏิบัติ เมื่อมีการฝ่าฝืนจะมีผลกระทบจริง จึงถือเป็นการเตือนให้รู้ล่วงหน้า
-ฉบับที่ 2 จะเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้รักษาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้มีอำนาจสั่งการ
-ฉบับที่ 3 เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์บริการสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ย่อยอีก 5-6 ศูนย์ และบูรณาการการจัดการร่วมกันเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ
นายวิษณุ ระบุว่า รัฐบาลได้นำความกราบบังคมทูลฯ ฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชวินิจฉัยใน 2 เรื่อง คือ
-งานใดที่เป็นพระราชพิธีตามหมายกำหนดการของสำนักพระราชวัง เช่น วันจักรี, วันฉัตรมงคล และวันพืชมงคล ให้มีพระราชพิธีตามปกติ เพียงแต่จำกัดคนเข้าร่วมพระราชพิธีให้น้อยและยึด 5 มาตรการตามกระทรวงสาธารณสุข เช่น ใส่หน้ากากอนามัย และใช้เจลแอลกอฮอล์ เป็นต้น
-งานใดที่เป็นของรัฐ แต่มีการเชิญสำนักพระราชวัง เช่น พิธีพระราชทานปริญญาบัตร, งานสโมสรสันนิบาต ให้เลื่อนหรืองดไปก่อน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ มีพระบรมราชานุญาตเห็นควรตามที่รัฐบาลเสนอคำแนะนำมาทั้งสองเรื่อง
ส่วนการจัดงานแต่งงาน, งานศพ เทศกาลเชงเม้ง ยังทำได้ แต่ต้องยึด 5 มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเช่นกัน พร้อมย้ำว่ามาตรการที่ออกมาทั้งหมดจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 รัฐบาลมีอำนาจต่ออายุได้อีกครั้งละ 3 เดือน พร้อมจะประเมินสถานการณ์การระบาดเป็นรายวันก่อนจะมีคำสั่งใดออกมา อนาคตหากมีเคอร์ฟิวก็คาดว่าจะเป็นการสั่งห้ามออกนอกบ้านตลอดเวลา เนื่องจากโรคสามารถแพร่ระบาดได้ตลอดเวลา