การเตรียมพร้อมเรื่องยารับมือโรคโควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ตอนนี้ได้สั่งซื้อยาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มจากจีนและญี่ปุ่น จำนวน 200,000 เม็ด คาดว่า จะได้ยาช่วงต้นเดือนเมษายน เพื่อนำมาสำรองร่วมกับยาที่มีอยู่เดิมเพื่อไว้ใช้กับผู้ป่วยที่คาดว่ากรณีเลวร้ายที่สุด ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยอาการหนักจากโรคโควิด-19 ถึง 5,000 คน ซึ่งต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ถึง 350,000 เม็ดในการรักษา พร้อมทั้งได้สั่งชุดป้องกันโรคสำหรับเจ้าหน้าที่แพทย์เพิ่มด้วย
ส่วนชุดตรวจผลโควิด-19 ตอนนี้มีไม่น้อยกว่า 10 บริษัทที่ยื่นขอรับรองการนำชุดตรวจมาจำหน่ายในไทย แต่พบว่ามีแค่ 2 บริษัทที่ชุดตรวจผ่านมาตรฐานของกระทรวง สามารถนำเข้ามาได้ ซึ่งกระทรวงจะนำรายละเอียดเกี่ยวกับชุดตรวจและบริษัทที่ผ่านการรับรองให้นำเข้าชุดตรวจนี้ขึ้นแพลตฟอร์มไทยรู้สู้โควิด เพื่อให้ประชาชนได้รู้ข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่าชุดตรวจเชื้อโควิด-19 ที่ตรวจจากแอนติบอดี้ไม่มีความแม่นยำ วิธีการตรวจหาเชื้อที่แม่นยำสุดมีแค่การตรวจผ่านทางโพรงจมูกเท่านั้น
นพ.ทวีศิลป์ ระบุถึง การประกาศเข้าระยะที่ 3 ของการระบาดโรคโควิด-19 ในไทยว่า ต้องให้คณะกรรมการวิชาการเป็นผู้พิจารณาแล้วส่งผลมา ซึ่งไม่ว่าตอนนี้การระบาดจะอยู่ระยะใด แต่มาตรการเฝ้าระวังได้ยกระดับเกินระยะ 2 ไปแล้ว พร้อมขอให้ทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพราะความร่วมมือของประชาชนจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อลดลงและประเทศผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ แต่หากไม่ร่วมมือกันมีความเสี่ยงว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีอยู่อาจไม่พอรองรับผู้ป่วย
ด้าน นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงกรณีที่วันนี้พบผู้ต้องขังติดเชื้อโรคโควิด-19 ว่า ปกติในเรือนจำจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปคัดกรองผู้ต้องขังที่ป่วยแล้วแยกตัวออกมาอยู่แล้ว