ไต้หวันปรับเงินผู้ไม่ยอมกักตัวอยู่บ้านสูงถึง 1 ล้านเหรียญไต้หวัน

          ชายชาวไต้หวันคนหนึ่งต้องถูกปรับเงินจำนวนมากถึง 1 ล้านเหรียญไต้หวัน (ประมาณ 1 ล้าน 1 แสนบาท) เนื่องจากฝ่าฝืนการกักตนเองในบ้านเพื่อสังเกตอาการโรคโควิด-19 ออกไปเที่ยวสถานบันเทิง นายหู ยู่อี นายกเทศมนตรีกรุงไทเป เปิดเผยในวันนี้ (23 มี.ค.) ว่าชายชาวไต้หวันรายนี้ต้องกักตนเองอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หลังจากที่เดินทางกลับมาจากประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เมื่อคืนวันอาทิตย์ (22 มี.ค.) เขาออกไปเที่ยวสถานบันเทิงและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปตรวจพื้นที่ตามปกติพบตัว จึงถูกจับกุม และถูกเรียกปรับเงินในอัตราที่สูงที่สุด เนื่องจากการออกไปเที่ยวกลางคืนของเขาถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นอันตราย เพราะอยู่ในสถานที่ที่มีประชาชนจำนวนมาก และไม่มีการระบายอากาศที่ดี จึงถูกส่งต่อไปยังศูนย์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคส่วนกลาง เพื่อปรับเงิน 1 ล้านเหรียญไต้หวัน

          ทั้งนี้ ไต้หวันได้รับการยกให้เป็นตัวอย่างของการจัดการโรคระบาดอย่างรวดเร็ว ทั้งการลดจำนวนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และมีการออกคำแนะนำทางการแพทย์ที่ชัดเจน ทำให้ได้รับการยอมรับ โดยศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดแบบรวมศูนย์ของไต้หวัน เริ่มต้นการทำงานก่อนที่จีนจะปิดกั้นเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของไวรัสโควิด-19 ทำให้แม้ว่าจะพบผู้ติดเชื้อรายแรกในเวลาใกล้เคียงกับที่เมืองอู่ฮั่น แต่ก็หยุดสถิติการพบผู้ป่วยไว้ที่ 195 คนกับมีผู้เสียชีวิต 2 ราย แต่เนื่องจากการพบผู้ป่วยรายใหม่ในระยะหลัง อยู่ในกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ทำให้ทางการไต้หวันสั่งห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ และสั่งให้ชาวต่างชาติทุกคนกลับไปกักกันตัวเองเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ผู้ถูกกักกันทุกคนจะถูกตรวจสอบผ่านจีพีเอสบนโทรศัพท์ และระบบส่งข้อความโดยตำรวจที่จะแจ้งเตือนผู้ที่ออกจากที่พัก

          โดยเมื่อต้นเดือนนี้ เป็นครั้งแรกที่กรุงไทเปเรียกปรับเงินสูงสุดต่อชายที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่แต่ปฏิเสธที่จะกักตัว และถูกจับกุมตัวขณะเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงไปขึ้นเครื่องบินออกจากไต้หวัน ซึ่งทำให้โทษปรับเงินเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเพราะเป็นการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

....