นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการระยะ 2 ที่จะดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันอังคารที่ 24 มี.ค.นี้

          ด้านนายอุตตม เสาวนายน รมว.คลัง อยู่ระหว่างการกักตัว รอดูอาการ หลังจากตำรวจติดตามติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า กระทรวงการคลัง ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งประสานหารือกับทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ สภาอุตสาหกรรม หอการค้า ฯลฯ เพื่อร่วมกันจัดเตรียมชุดมาตรการด้านเศรษฐกิจ ดูแลบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง หลายประเทศทยอยออกมาตรการใกล้เคียงกัน การออกมาตรการทุกชุด คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง

          รายงานระบุว่า มาตรการระยะสองให้ความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบด้านต่างๆทั้ง รายได้ ภาระค่าใช้จ่าย และอื่นๆ  พยายามให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม และจะเตรียมมาตรการทางเศรษฐกิจที่อาจจำเป็นต้องเพิ่มเติมในอนาคตด้วย เช่น มาตรการจูงใจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) อย่าเลิกจ้างแรงงาน โดยเฉพาะนำรายจ่าย ค่าจ้างหักภาษีได้ 3 เท่า ขอให้ช่วยดูแลพนักงาน รัฐบาลเข้าใจเรื่องแรงกดดัน รายได้กระทบแต่รายจ่ายยังอยู่  ส่วนซอฟท์โลน เนื่องจาก เป็นชุดมาตรการพิเศษ 1.5 แสนล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2 เราให้ 2 ปี ไม่ให้ใช้เงินมากไปไม่เกิน 20 ล้านบาท เพราะต้องการให้กระจายไปยังธุรกิจต่างๆ แต่รายใหญ่ก็กู้ได้

          ส่วนการดูแลผู้ลงทุน กระทรวงการคลัง ธปท.ก.ล.ต. สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันประกาศมาตรการดูแลตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ในภาวะที่ไม่ปกติขณะนี้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ลงทุนหลากหลายโดยเฉพาะประชาชนผู้ลงทุนบุคคลรายเล็กจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งเป็นการสร้างเสริมให้ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการไปได้มั่นคง ไม่กระทบภาคส่วนอื่นของเศรษฐกิจ เพราะระบบการเงินของประเทศปัจจุบัน มีความเชื่อมโยงถึงกันหมด และให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมั่นใจได้ว่าได้รับการดูแลที่เหมาะสมและทันสถานการณ์ 

ก.พาณิชย์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ช่วยสินค้าเกษตร

          น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึง การลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) เพื่อรองรับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย สนค. คาดการณ์ว่าการลดลงของอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เน้นผลเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหากได้ความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ในการช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องของลูกหนี้ เช่น การยืดระยะเวลาชำระหนี้ของกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs และประชาชน เป็นต้น ก็จะบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น

          มาตรการอื่น ๆ โดยเฉพาะการกระตุ้นเพื่อป้องกันไม่ให้การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนลดลงมากเกินไป เพราะอาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมนั้น สนค. มองว่า งบประมาณของรัฐบาลที่กำลังจะมีเม็ดเงินออกมาในระบบเร็ว ๆ นี้ จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งในการดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งหากหน่วยงานมีความยืดหยุ่นในการปรับแผนการใช้จ่าย ให้สามารถเน้นกิจกรรมที่ช่วยสนับสนุนเกษตรกร SMEs และประชาชนที่ต้องการงานและรายได้ในช่วงเวลานี้ได้ ก็จะช่วยประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ในระยะนี้ ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคบริการ เช่น ท่องเที่ยว ช่วยเหลือแรงงาน และ SMEs หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ตกลงกันไม่ได้ประเด็นมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ฯ

          วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งครอบคลุมถึงการมอบเงินให้ประชาชนรายละ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ร่างมาตรการดังกล่าวนำเสนอโดยนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน การโหวตหยั่งเสียงรอบแรกของวุฒิสภาเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ยังขาดอีก 60 เสียง จึงจะสามารถผลักดันมาตรการดังกล่าวได้ การโหวตในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากนายแมคคอนเนลได้เสนอร่างมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อพยุงภาคครัวเรือน ระบบสาธารณสุข และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และรัฐหลายแห่งในสหรัฐฯได้ประกาศชัตดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด อย่างไรก็ดี วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า มาตรการนี้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนมากกว่าที่จะให้ความช่วยเหลือบรรดาลูกจ้าง

กลาโหม ระดมทรัพยากรสู้โควิดจัด2,000เตียงรองรับ

          พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมหน่วยงานภายในกระทรวงเพื่อติดตามและรับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการรับมือกับปัญหา พล.อ.ชัยชาญ ขอให้เร่งประสานกับกระทรวงสาธารณสุข จัดทำความสมบูรณ์ของร่างแผนเผชิญเหตุ รองรับโควิด-19

-จัดกำลังพล บุคลากรทางการแพทย์ กระจายเข้าไปช่วยเหลือ คัดกรองผู้โดยสารจากท่าอากาศยานหลัก และภายในประเทศ

-จัดกำลังพลเพิ่มเติม ช่วยคุมเข้มคัดกรองการผ่านเข้า-ออก ในทุกช่องทางของด่านชายแดน 13 แห่ง ทั้งทางบก และทางน้ำ โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติ ที่มีแนวโน้มเคลื่อนตัวมากขึ้น รวมทั้งได้สนับสนุนกำลังพล และยานพาหนะ เข้าไปช่วยเสริมการผลิต และกระจายขนส่งหน้ากากอนามัยจากโรงงาน ไปยังสถานพยาบาลต่างๆ

-เตรียมพื้นที่หน่วยทหาร และกองพันทหารเสนารักษ์รองรับ ผู้ป่วยระดับ 1 และ 2 จำนวน 2,000 เตียง

-เตรียมโรงพยาบาลทหาร ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค 13 แห่ง  รองรับผู้ป่วยระดับ 3

แฟ้มภาพ 

-ปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อน และฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะ ยังคงดำเนินการต่อเนื่องกันไป