สรุปข่าว 19.35 น.
+++นายสุจิต บุญบงการ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมือง กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า รูปแบบการเลือกตั้งแบบเยอรมนีที่จะนำเสนอ ตอบโจทย์ได้ดีกว่ารูปแบบเดิม เพราะสะท้อนคะแนนนิยมและป้องกันพรรคการเมืองมีอำนาจมากเกินไป จนครอบงำฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ และคะแนนเสียงของประชาชนได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยรูปแบบไม่ได้แตกต่างจากเดิม คือการเลือกตั้งจะมี ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบการคำนวณสัดส่วน เพื่อให้สะท้อนความนิยมของพรรคได้มากขึ้น โดยจะนำคะแนนที่ได้จากการเลือกบัญชีรายชื่อมารวมกับคะแนนแบบแบ่งเขต แล้วคำนวณออกมาเป็นสัดส่วน ซึ่งต่างจากที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้กำหนดจำนวน ส.ส.ลดลงจากเดิม รวม 2 ระบบแล้ว เหลือประมาณ 350 คน เพื่อให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น และคิดว่าสามารถตอบสนองประชาชนในพื้นที่ได้ดีพอ ๆ กับการเลือกตั้งแบบเดิม เนื่องจากการดูแลประชาชนแต่ละพื้นที่ขึ้นอยู่กับผู้สมัคร อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอเหล่านี้เป็นเพียงกรอบข้อเสนอการเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งสามารถอภิปรายเสนอปรับแก้ไขได้
+++นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รายงานว่า นำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีต ผบช.ก.ผู้ต้องขังคดีรับสินบนและแอบอ้างสถาบันฯ ไปพบแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดและปรับยาความดัน-เบาหวานให้เหมาะสม เนื่องจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อยู่ในข่ายเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ และมีโรคผู้สูงอายุทั่วไป
+++ความคืบหน้าการติดตามจับกุมผู้ต้องหาร่วมเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ล่าสุดศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ในฐานะผู้จ้างวานผู้ต้องหาคนอื่นๆ ให้ไปประนอมหนี้ โดยขณะนี้ คาดว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว สำหรับ นายนพพร ถือเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐที่อายุน้อยที่สุด ของการจัดลำดับมหาเศรษฐีของไทย ประจำปี 2557 ที่ทำโดยเว็บไซต์ ฟอร์บไทยแลนด์ อยู่ในลำดับที่ 31 ที่ร่ำรวยจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม และมีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 2 หมื่น 6 พันล้านบาท
+++พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามคำสั่งย้ายนายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาเป็นรองอธิบดีกรมคุมประพฤติ สำหรับนายเพิ่มพูน เป็นรองอธิบดีเอสไอ ที่ดูแลศูนย์ปรามปราบผู้มีอิทธิพล และศูนย์ภาคของ ดีเอสไอ ซึ่งมีปัญหาคดีเลี่ยงภาษีและส่วยน้ำมันเถื่อน ของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ จนมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีชื่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในกลุ่มคนที่เสี่ยโจ้ติดต่อด้วย จึงมีการย้ายรองอธิบดีดีเอสไอตามมาเพราะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับการบริหาร
+++นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เปิดเผยถึงผลการประชุม ว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เห็นพ้องให้มีการปรับโครงสร้างรูปแบบการบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เพื่อแก้ปัญหาการรวมศูนย์อำนาจ ให้องค์กรตำรวจมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ และปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง โดยเห็นควรให้มีการตั้งองค์กรตำรวจใหม่ โดยใช้ชื่อว่า สภากิจการตำรวจแห่งชาติ โดยตั้งคณะทำงาน 1 ชุด เพื่อทำหน้าที่แทน สตช. และ ก.ตร. โดยการกระจายอำนาจ แบ่งเป็น ตำรวจหลวง ตำรวจภูมิภาค และตำรวจท้องถิ่น และจะมีอีกหน่วยงานที่จะกำหนดอำนาจหน้าที่ของตำรวจในแต่ละภาคส่วน โดยจะให้ประชาชนเข้าไปเป็นหนึ่งในกรรมการ และมีส่วนร่วมในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังมีแนวทางที่จะปรับโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษและศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา แนวคิดทั้งหมดจะเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ สปช. ในวันที่ 15-17 ธ.ค.นี้ จากนั้นจะส่งประธาน สปช. เสนอต่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป
+++การเตรียมการออกมาตรการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ นายสมหมาย ภาษี รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวว่า คลังจะเสนอแพ็กเกจ "ของขวัญปีใหม่" ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ โดยมาตรการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์เป็น 1 ในนั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ต้องรอให้ ครม.อนุมัติก่อนจึงจะเปิดเผยได้ ส่วนการกำหนดกรอบการให้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีความแตกต่างกัน โดยเกณฑ์เดิมกำหนดวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล 5 เท่าของรายได้ หรือไม่เกิน 2 แสนบาทต่อราย แต่นาโนไฟแนนซ์จะให้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร รองนายกรัฐมนตรีมีความเห็นว่า บริษัทที่เข้ามาทำนาโนไฟแนนซ์น่าจะทำธุรกิจที่กว้างขวาง มีสาขาอยู่แล้ว เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งน่าจะเข้าถึงประชาชนในวงกว้างขึ้น
+++ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนหรือ กกร.ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวระดับบวกลบร้อยละ1 ส่วนการส่งออกอาจจะไม่ขยายตัวหรืออาจติดลบในขณะที่ปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.5 ถึง4 จากเดิมคาดไว้ขยายตัวร้อยละ 4-4.5 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.5 แกนนำ กกร.ประกอบไปด้วยนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทยและนายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานหอการค้าไทย ต่างเห็นว่าหากจะปรับขึ้นแวตอีกร้อยละ1 จะไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ โดยหากเศรษฐกิจขยายตัวมากกว่าร้อยละ 4 ก็อาจจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มได้ นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเพราะน่าเห็นใจรัฐจัดเก็บรายได้น้อย และการขึ้นร้อยละ 1 ก็ไม่กระทบมากนัก และในส่วนของสินค้าเกษตรก็ไม่ได้มีการจัดเก็บแวตแต่อย่างใด
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.18จุดปิดที่1,594.00จุดมูลค่าซื้อขาย47,836.81ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี เพิ่มขึ้น 73.12 จุด ปิดที่ 17,663.22 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. 2550
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจีนอาจประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังภาคการผลิตจีนชะลอตัว เพิ่มขึ้น 286.85 จุด 23,654.30 จุด
++++ผู้ก่อตั้งกลุ่มแนวร่วมออคคิวพายเซนทรัล ซึ่งเป็นแกนนำผู้ประท้วงในฮ่องกง แถลงวันนี้เรียกร้องให้ผู้ประท้วงสลายการชุมนุมจากย่านใจกลางเมืองใกล้ที่ทำการรัฐบาล และจะยอมมอบตัวกับตำรวจ สามแกนนำประกอบด้วย นายเบนนี ไถ่ ออกแถลงข่าวร่วมกับนายชาน คิน-มัน ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มออคคิวพายเซนทรัล และนายฉู่ อยู่ หมิง ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยไชนีสยูนิเวอร์ซิตี กล่าวเรียกร้องให้นักศึกษาสลายการชุมนุมเนื่องจากสถานการณ์เริ่มอันตรายและตำรวจเริ่มรุกเข้ามามากขึ้น และว่าหากไม่สามารถควบคุมได้สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย และเกรงว่าจะทำให้ผู้คนบาดเจ็บรุนแรงได้ กลุ่มแกนนำกล่าวต่อไปว่าพวกเขาวางแผนมอบตัวกับตำรวจในวันพุธนี้ฐานเป็นผู้จัดการชุมนุมซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย
+++กองกำลังรัฐบาลเลบานอนสามารถจับกุมภริยาและลูกชายของนายอาบู บัคร์ อัล-แบกห์ดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ไว้ได้ใกล้กับชายแดนของซีเรีย บุคคลทั้่งสอง ซึ่งขณะนี้ทางการเลบานอนไม่ได้เปิดเผยนาม ถูกจับกุมโดยหน่วยข่าวกรองของกองทัพเลบานอน หลังการเดินทางเข้าประเทศเมื่อ 10 วันก่อนขณะนี้ภริยาของนายแบกห์ดาดีอยู่ระหว่างการถูกสอบปากคำที่กระทรวงกลาโหมของเลบานอน