ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ วันสุดท้ายของสัปดาห์ปิดตลาดปรับตัวลดลง ส่งผลให้การซื้อขายหุ้นตลอดทั้งสัปดาห์ลดลงกว่าร้อยละ 12 นับว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย เมื่อ พ.ศ. 2551
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนวานนี้ลดลงไป 913.21 จุด หรือ ร้อยละ 4.55 ปิดตลาดที่ 19,173.98 จุด ขณะที่ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 104.47 จุด หรือร้อยละ 4.34 อยู่ที่ 2,304.92 จุด และดัชนีแนสแดค ลดลง 271.06 จุดหรือร้อยละ 3.79 ไปอยู่ที่ 6,879.52 จุด สาเหตุหลักเกิดจากการที่ทางการสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะทางการรัฐนิวยอร์กที่ออกมาประกาศวานนี้ให้ธุรกิจร้านค้าที่ไม่มีความจำเป็นยุติการให้บริการชั่วคราว
เช่นเดียวกับที่รัฐอิลลินอยส์ก็ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวเช่นกัน และผลจากการแพร่ระบาดของไวรัส ยังทำให้ตัวเลขการว่างงานสหรัฐฯ ในสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 เนื่องจากมีจำนวนผู้ตกงานแบบกระทันหันเพิ่มมากขึ้น เฉพาะแรงงานในภาคธุรกิจร้านอาหารที่อาจถูกเลิกจ้างในระยะเวลา 3 เดือนข้างหน้ามากกว่า 7 ล้านคน
ด้านบริษัทโคคา-โคล่าเผยว่าการแพร่ระบาดของไวรัสกระทบต่อผลประกอบการคิดเป็นร้อยละ 8 เนื่องจากการปิดโรงภาพยนตร์ สนามกีฬา และร้านอาหารต่างๆ