หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาเครือข่ายเดียวกับ พลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ฉายาพัฒน์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังการออกหมายจับเพิ่มอีก5คน และคุมตัวได้แล้ว2คนคือ นายชลัช โพธิราช และนายณัฐนันท์ ทานะเวช
พลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยบัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุมนายวิทยา เทศขุนทศ ผู้ต้องหาในคดีเดียวกับอดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ที่ถูกชุดสืบสวนจากกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ควบคุมตัวได้ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส หลังผู้ต้องหาได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวผ่านสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยพฤติกรรมของนายวิทยา ได้ข่มขู่นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ผู้เสียหายเมื่อวันที่23มิถุนายน เพื่อขอลดหนี้ที่นายนพพร ศุภพิพัฒน์ มาขอกู้ยืมกว่า120ล้านบาท แต่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาพยายามอุ้มตัวไปเพื่อข่มขู่และขอให้ลดหนี้เหลือ20ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายไม่ยินยอมและมีปากเสียงกัน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมเหตุการณ์และเชิญตัวไปที่ สน.วัดพระยาไกร
โดยนายวิทยา รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำหน้าที่เป็นการ์ด ในสถานบันเทิงย่านรามอินทรา โดยมีนายชากานต์ ภาคภูมิ เป็นผู้มาติดต่อว่าจ้างให้ไปประนอมหนี้ โดยให้ค่าจ้าง 4 พันบาท และได้จัดหาอาวุธปืนในการรักษาความปลอดภัยในกับนายชากานต์ โดยการเข้ามอบตัวในครั้งนี้ ไม่ทราบว่ามีความผิดในมาตรา 112 และเพิ่งทราบว่าถูกออกหมายจับเมื่อ 2 วันที่แล้ว จึงได้ขอมอบตัว จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปที่สน.วัดพระยาไกร ก่อนที่จะนำไปฝากครั้ง ที่ศาลทหาร ในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันที่ 23 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ เป็นช่วงที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.
สำหรับ นายวิทยา เป็น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดไม่กระทำการใดให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกายหรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่5คนขึ้นไป