กรณีที่รัฐมนตรีพลังงานของรัสเซีย เสนอให้จัดการเจรจากับซาอุดีอาระเบียในวันนี้ (11 มี.ค.)เพื่อหาทางออกเรื่องกำลังการผลิตน้ำมันดิบ และความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปกกับกลุ่มนอกโอเปก แต่เจ้าชายอับดุลลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุฯ ปฏิเสธการเจรจาโดยบอกว่าไม่จำเป็นในตอนนี้ ทั้งยืนยันว่า จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบให้สูงสุดเป็นสถิติใหม่ในเดือนเมษายน
การเผชิญหน้าระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ทั้ง 2 ประเทศสืบเนื่องจากการที่โอเปกต้องการกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตลงไปอีก 1 ล้าน 5 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่รัสเซียต้องการให้คงกำลังการผลิตเท่าเดิม ทำให้การประชุมร่วมกันของทั้ง 2 กลุ่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้ข้อยุติ อย่างไรก็ตามในช่วงสุดสัปดาห์ ซาอุฯ ออกประกาศแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเป็นวันละราว 11 ล้านบาร์เรลเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงไปร้อยละ 25 ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงมากกว่าร้อยละ 7 ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ภาคการผลิตทั่วโลกหยุดชะงัก ซึ่งเมื่อวันจันทร์ (9 มี.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โทรศัพท์หารือกับมกุฎราชกุมาร โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน แห่งซาอุฯ เกี่ยวกับตลาดพลังงานโลก ขณะที่นายสตีเว้น มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวกับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ ว่าความมั่นคงของตลาดพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ แต่การที่มีน้ำมันดิบในตลาดโลกมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ
และเมื่อวานนี้ นายอามิน แนสเซอร์ ซีอีโอของบริษัทน้ำมันอารามโกที่เป็นของทางการซาอุฯ ประกาศว่าบริษัทจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนเมษายนเป็น 12 ล้าน 3 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่ากำลังการผลิตสูงสุดถึง 300,000 บาร์เรล จึงหมายความว่าบริษัทจะดึงปริมาณน้ำมันสำรองออกมา ร่วมด้วยการทำความตกลงกับคูเวต เพื่อร่วมกันดำเนินการผลิตที่แหล่งน้ำมันที่ยังไม่มีการผลิต
....