ความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการรับส่วยน้ำมันเถื่อน พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าขณะนี้ยังคงมี พลตำรวจตรี บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ ถูกดำเนินคดีเพียงคนเดียว ส่วนนายตำรวจอีกว่า10 นาย ที่ล่าสุด พนักงานสอบสวนเรียกมาให้ปากคำ ยังไม่ถือว่าบุคคลเหล่านั้นมีความผิด เพราะการดำเนินคดีต้องขึ้นกับพยานหลักฐาน และให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้อง พร้อมย้ำว่าจะไม่ปกป้องหรือช่วยเหลือคนผิด โดยไม่เฉพาะเรื่องส่วยน้ำมันเถื่อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง และส่วยบ่อนการพนันด้วย
ส่วนการตรวจสอบทรัพย์สิน ของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และเครือข่าย ที่ล่าสุดตรวจยึดได้กว่า 2 หมื่นชิ้น ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นประธาน พร้อมประสานกับเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ร่วมตรวจสอบ และจะทยอยส่งทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ให้ ปปง.ดำเนินการตามขั้นอีกครั้ง
โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ตามพยานหลักฐาน โดยไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือป้ายสีให้มีความผิด ส่วนการหายตัวไปของพันตรวจโท ทรงศักดิ์ ขุนศรี รองผู้กำกับการ 6 กองปราบปรามนั้นตามแนวทางการสืบสวนน่าเชื่อว่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยขอให้เข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมจะยึดหลักกฎหมายไม่มีการกลั่นแกล้ง เพราะถ้าหากหลบหนีเกิน 15 วันก็จะถือว่าขาดราชการ และเกรงว่าอาจจะได้รับอันตราย