ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ของไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯใหม่ 1 คน เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 43 ปี อาชีพที่ปรึกษาบริษัท เดินทางมาจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ระหว่างเดินทางได้เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ใช่เวลาอยู่ที่ฮ่องกงประมาณ 7-8 ชั่วโมง จนกระทั่งเดินทางมาถึงประเทศไทย พบว่าตัวเองมีไข้ จึงเข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ผลตรวจมีอาการไข้ มีเสมหะ และติดเชื้อไวรัส แพทย์จึงส่งตัวรักษาต่อที่สถาบันโรคทรวงอก
นพ.สุขุม กาญจนาพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า นอกจากมีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 1 คน ยังผู้ป่วยอีก 1 คน เพศหญิงไทย อายุ 30 ปี อยู่ระหว่างการยืนยันจากห้องปฏิบัติการอีกหนึ่งแห่ง ว่าติดเชื้อหรือไม่ หลังผู้ป่วยคนนี้พบตรวจพบที่จุดคัดกรองกลุ่มแรงงานนอกระบบจากเกาหลีใต้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้ (5 มีนาคม ) ตรวจพบมีอาการไข้ จึงส่งมารักษาตามระบบที่สถาบันบำราศนราดูร ผลตรวจครั้งที่ 1 พบเชื้อจากห้องปฏิบัติการ 1 แห่ง
ทำให้ขณะนี้ มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 31 คน ยังรักษาตัวอยู่ในห้องแยกโรค ของโรงพยาบาลต่างๆ 16 คน เสียชีวิต 1 ราย ทำให้ไทยมีผู้ป่วยสะสม 48 คน สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 คนที่รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจไม่พบเชื้อไวรัสแล้ว แต่ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ขณะนี้สถานการณ์ผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 24 ของโลก เท่าว่าไทยย้อนกลับไประยะที่ 1 เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือ แต่จะไม่ประมาท
ส่วนจะมีการเอาผิดกับบุคคลที่เดินทางกลับจากเกาหลีใต้และพื้นที่เสี่ยง โดยไม่กักตัวอยู่บ้าน 14 วัน และถ่ายรูปลงโซเซียล เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวไปกักกันโรค 14 วัน ส่วนจะมีการปรับตามกฎหมาย 2 หมื่นบาท ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า จะขอดูในรายละเอียดอีกครั้งแต่ย้ำว่าทุกคนต้องช่วยกันทำให้บุคคลนี้ปลอดจากเชื้อไวรัส
สำหรับผู้โดยสารเข้าข่ายสงสัยโรคโควิด-19 จำนวน 3 คนที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า อยู่ในกลุ่มผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสม ซึ่งปัจจุบัน มียอดผู้ป่วยเข้าเกณฑ์รวมทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.- 5 ก.พ. รวม 4,023 คน คัดกรองจากทุกด่าน 143 คน มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 3,880 คน อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,392 คน ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,631 คน