อัพเดทสถานการณ์โควิด-19 ณ เวลา 21.00 น.

อัพเดทสถานการณ์โควิด-19  ณ เวลา 21.50 น.

ยูเออีแนะนำไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย

           กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)เตือนพลเมือง และผู้มีที่พักอาศัยถาวรในยูเออีไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศในระยะนี้ ระบุว่าคนที่กลับจากต่างประเทศอาจจะเข้ารับการตรวจร่างกายที่สนามบินและถูกกักกัน 14 วัน เพื่อเฝ้าระวัง

           ด้านสำนักงานสาธารณสุขของนครดูไบ เปิดเผยว่าผู้โดยสารที่มายังนครดูไบจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน,กรุงเบรุต เลบานอน,กรุงโรม,เมืองมิลาน,เมืองเวนิซ,เมืองโบโลญญา อิตาลี, กรุงเทพฯและจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย จะต้องผ่านการคัดกรองตรวจโรคโควิด-19 ที่สนามบิน

สวิตเซอร์แลนด์เผยมีผู้เสียชีวิตรายแรก จากโควิด-19

            เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐโว ทางภาคตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่าสตรีวัย 74 ปีคนหนึ่งที่ติดโรคโควิด-19 เสียชีวิตในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งเมืองโลซาน นับเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกในสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ป่วยรายนี้ มีโรคประจำตัวอื่นๆด้วย ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงที่อาจจะเสียชีวิต ทั้งนี้สวิตเซอร์แลนด์พบผู้ป่วย 95 คน

          ก่อนหน้านี้ สวิตเซอร์แลนด์มักจะจัดโครงการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนบ้าน เช่น อิตาลี ซึ่งพบผู้ป่วย 3,100 คน มีผู้เสียชีวิต 107 ราย และจัดโครงการแลกเปลี่ยนกับฝรั่งเศส ซึ่งผู้ป่วย 285 คน มีคนเสียชีวิต 4 รายและเยอรมนีซึ่งพบผู้ป่วย 444 คน

IATA คาดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ธุรกิจการบินทั่วโลกขาดรายได้ 113,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

           สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(IATA)เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกสูญเสียรายได้รวม 113,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย IATA ระบุในรายงานล่าสุด ว่า ถ้าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  คลี่คลายลงในอนาคตอันใกล้ อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจะสูญเสียรายได้ 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ถ้าการแพร่ระบาดยังคงยืดเยื้อต่อไป การสูญเสียรายได้ของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกอาจจะสูงถึง 113,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

            IATA คาดว่าสายการบินส่วนใหญ่ในเอเชียและยุโรปจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด สำหรับในทวีปยุโรป IATA คาดว่า ตัวเลขผู้โดยสารจะลดลงร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในการคาดการณ์ก่อนเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ IATA คาดว่าสายการบินทั่วโลกจะสูญเสียรายได้รวม 29,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ