ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563

04 มีนาคม 2563, 09:06น.



 



อุตุฯเตือน4-5 มี.ค.หลายจังหวัดระวังพายุฤดูร้อน




          กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนว่า ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค.2563 หลายจังหวัดระวังพายุฤดูร้อน ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่  สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตร สภาพอากาศในช่วงนี้เกิดขึ้นจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน



          จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ในวันที่ 4 มี.ค.2563 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร และอำนาจเจริญ  ภาคเหนือ: จังหวัดลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์  พิจิตร และกำแพงเพชร ภาคตะวันออก: จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท



          ช่วงวันที่ 5 มี.ค.2563 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร และอำนาจเจริญ ภาคเหนือ: จังหวัดลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร สุโขทัย กำแพงเพชร และตาก ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี และ กาญจนบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ภาคตะวันออก: จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด



สธ.วางมาตรการเบื้องต้นดูแลคนไทยกลับจากเกาหลีใต้



           นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง กรณีแรงงานไทยในเกาหลีใต้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวนตัวเลขที่ชัดเจนอยู่ระหว่างประสานขอข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงแรงงาน เพื่อขอข้อมูลที่ชัดเจนทั้งตัวเลขและรายชื่อ เพื่อให้สามารถติดตามตัวได้แผนการรับมือแรงงานที่กลับมาจากเกาหลีใต้ เบื้องต้นต้องดู



1.ต้องดูตัวเลขที่แน่ชัดว่ามากี่ราย



2.จำแนกหากพบว่าเป็นไข้ ก็จะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงผู้ป่วยที่เข้าข่ายเฝ้าระวังสอบสวนโรคต้องไปอยู่รพ.ในห้องความดันเป็นลบ ซึ่งกระทรวงได้เตรียมพร้อมโรงพยาบาลไว้แล้ว



3.หากไม่มีไข้ก็จะกักตัวเองอยู่ที่บ้าน 14 วัน โดยกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ติดตามทุกวัน แต่จะดูข้อมูลว่ามาจากเมืองไหน ต้องสัมภาษณ์เป็นรายบุคคล



นายกฯย้ำต้องหามาตรการที่เหมาะสมควบคุมแรงงานจากเกาหลีใต้



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดประชุมเช้านี้ที่ทำเนียบรัฐบาล พิจารณารายละเอียดว่าจะทำอย่างไรและจะมีมาตรการอย่างไร หากจะต้องกักตัวคนที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ทั้งหมด เนื่องจาก เป็นปัญหาใหญ่คือจะควบคุมคนจำนวนมากได้อย่างไร เพราะไม่ใช่เพียงร้อยกว่าคนแต่มีจำนวนหลายพันอาจถึงหมื่นคน ดังนั้นต้องดูว่าจากต้นทางจะปล่อยออกมาเท่าไร มีแนวทางอย่างไร เขามีมาตรการควบคุมอยู่แล้วส่วนหนึ่งด้วยการกักตัว 14 วัน เมื่อมาถึงเราก็ต้องกักตัวไว้อีก 14 วัน หรือจะเฉพาะบางส่วนที่ตรวจพบ ต้องหาวิธีการที่เหมาะสม



รัฐบาล ออก 14 มาตรการให้ทุกฝ่ายป้องกัน ควบคุมโควิด-19



          นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการระยะเร่งด่วนสำหรับแก้ไขปัญหาจากโรคโควิด-19 ครอบคลุมถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการระบาดที่จะหารือใน ครม.เศรษฐกิจก่อนเสนอ ครม. เช่น มาตรการทางภาษี สินเชื่อและพักชำระหนี้ ด้านงบประมาณ การสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน การจ้างงานและพัฒนาทักษะ ด้านสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชน ส่วนมาตรการเร่งด่วนด้านสุขภาพและการป้องกันโรคจำนวน 14 มาตรการตามคำสั่งการของนายกรัฐมนตรี ได้แก่



1.ส่วนราชการดำเนินการตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข



2.ส่วนราชการระงับ-เลื่อนเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดและประเทศเฝ้าระวัง



3.เจ้าหน้าที่รัฐที่กลับจากหรือเดินทางผ่านหรือมีเส้นทางแวะผ่านประเทศเสี่ยงแพร่ระบาด ต้องพักสังเกตอาการ 14 วัน



4.ตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคโควิด-19 ที่ทำเนียบรัฐบาล



5.กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม จัดหาสินค้าให้เพียงพอ เช่น หน้ากากอนามัย เจลฆ่าเชื้อ 6.กระทรวงพาณิชย์ ป้องกันการกักตุนสินค้า เช่น หน้ากากอนามัย เจลฆ่าเชื้อ



7.กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร เช่น สนามบิน สถานีรถไฟฟ้า สถานีรถไฟ



8.กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน ติดตามดูแลคนไทย



9.กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม เตรียมสถานที่สังเกตอาการให้ผู้สงสัยว่าเป็นโรค



10.กรณีจำเป็นต้องจัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์เพิ่มเติม ให้ประสานสำนักงบประมาณ



11.ประชุมคณะกรรมการอำนวยการ เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติอย่างสม่ำเสมอ          12.กระทรวงสาธารณสุข ดูแลบุคลากรทางการแพทย์ให้เหมาะสม



13.กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ



14.ขอความร่วมมือเอกชนงดจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวจำนวนมาก เช่น กีฬา คอนเสิร์ต



กทม.เตรียมพร้อมรับมือโควิด-19 ก่อนเข้าสู่ระยะ 3  



          พล.ต.ท. โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยมาตรการเตรียมพร้อมรับมือไวรัสโควิด-19 ระยะ 3 ทั้งนี้ ระยะที่ 3 คือ ระยะที่เจอคนติดเชื้อที่ไม่มีที่มาที่ไป ในวงกว้าง และ รวดเร็ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ไทยยังอยู่ในระดับที่ 2 หลายหน่วยงานประชุมเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์



          ในส่วนของกทม. ประกอบด้วย มาตรการการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operations Center : EOC) กรณีโรคจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์โรค เตรียมความพร้อมมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค เตรียมระบบการคัดกรองที่รวดเร็ว จัดระบบคัดแยกโรคและผู้ป่วยที่รวดเร็ว และมีการรายงานระบบข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง ทันทีที่พบผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ



-จัดทำแผนเวชปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำการคัดกรองผู้ป่วย ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุข และมีการเตรียมห้องแยกความดันลบ สำรองเวชภัณฑ์ต่างๆ และอุปกรณ์ป้องกันตนเองสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อจากผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด

-ในส่วนของโรงพยาบาลจะมีระบบการป้องกันโรคติดเชื้อตามมาตรฐาน มีการทบทวนมาตรการและแนวทางป้องกันการติดเชื้อของบุคลากร การอบรมซ้อมแผนภายในโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ โดยกำหนดช่องทางเข้าออกโรงพยาบาลให้เหลือเฉพาะช่องทางที่จำเป็น ตรวจคัดกรองเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยก่อนเข้าสู่ภายในโรงพยาบาล

-เปิดคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจนอกอาคารโรงพยาบาล รองรับผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อไวรัส พร้อมแจกบัตรคำแนะนำด้านสุขภาพ (Health Card) สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง

-สำหรับมาตรการเชิงรุก สำนักการแพทย์และสำนักอนามัย ลงพื้นที่ให้ความรู้ประชาชนในชุมชนบริเวณรอบโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข และพื้นที่ใกล้เคียงให้ปฏิบัติตามมาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย เพื่อควบคุมป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19

-ให้ทุกหน่วยงานราชการจัดกิจกรรม Big Cleaning ทำความสะอาดโดยเฉพาะจุดสำคัญที่ประชาชนสัมผัสร่วมกัน เช่น ราวจับ บันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟท์ รถเข็นคนไข้ ห้องน้ำ เก้าอี้ และ พื้นที่อื่นๆ รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ทั้งในโรงเรียน ชุมชน และสถานประกอบการ เป็นการเฝ้าระวังเชิงรุกด้วย 



รัฐบาล จัดสรรงบประมาณ 1,233 ล้าน ให้สธ.รับมือการระบาดระยะที่ 2



          ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินกรณีจำเป็นและเร่งด่วนปี 2563 วงเงิน 1,233 ล้านบาท เพิ่มเติมให้กระทรวงสาธารณสุขรับมือกับการแพร่ระบาดระยะที่ 2 ช่วง มี.ค.- พ.ค.นี้ รวม 3 เดือน เงินจำนวนนี้จะใช้ในการสนับสนุนการดำเนินการของบุคลากรทางการแพทย์ และเพิ่มการคัดกรองบริเวณสนามบิน ท่าเรือ รวมทั้ง สถานที่อื่นที่มีความเสี่ยงของการเดินทางของ คนในต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยทุกช่องทาง



CR:กรุงเทพมหานคร



 

ข่าวทั้งหมด

X