ตม.สนามบิน เข้มมาตรการคัดกรองคนไทยกลับจากเกาหลี
ตามที่ปรากฏข่าวคนไทยซึ่งไปทำงานที่เกาหลีใช้มีการรายงานตัวกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้จำนวนมาก เพื่อส่งกลับไทย เมื่อวานนี้ พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 มีการประชุมทางไกลกับหัวหน้าด่าน ตม.สนามบินในสังกัด คือสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ พร้อม นพ.โรม บัวทอง นายแพทย์เชี่ยวชาญ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ประจำท่าอากาศยาน กำหนดมาตรการรองรับการปฏิบัติ เพื่อรองรับคนไทยที่จะอยู่ในสถานะถูกส่งกลับจากเกาหลี ซึ่งในสถานการณ์ปกติจะมีการส่งกลับทางสุวรรณภูมิราว 50 คนต่อวัน และ ดอนเมืองราว 20 คนต่อวัน แต่ในกรณีนี้ ทาง ตม.ได้ประสานสายการบินจัดโซนที่นั่งเฉพาะแก่กลุ่มผู้โดยสารกลุ่มนี้ และให้รวบรวมพาสปอร์ต เมื่อมาถึงสุวรรณภูมิหรือดอนเมืองก็จะตรวจคัดกรองด้วยเครื่องเทอร์โมสแกนก่อนเข้าอาคาร หากพบว่ามีไข้ ก็จะคัดแยกตัวเข้าสู่การกักตัวรักษาอาการที่โรงพยาบาลในเครือข่ายควบคุมโรค เพื่อเฝ้าดูและรักษาอาการต่อไป ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการ จะเข้าสู่กระบวนการจัดทำประวัติโดยละเอียด ก่อนให้เดินทางกลับที่พักที่แจ้งไว้ โดยให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน พร้อมให้แจ้งสายด่วนควบคุมโรค 1422 ในทันทีที่สงสัยว่ามีอาการ ซึ่งนอกจากนี้ ทางกรมควบคุมโรคจะจัดเจ้าหน้าที่ไปติดตามอาการคนไทยที่ถูกส่งกลับจากเกาหลีด้วย
กองปราบสอบปากคำพี่ชาย-เมียพ.ต.ท.บรรยิน 4 มี.ค.นี้
ความคืบหน้าการดำเนินคดีพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวก รวม 6 คน ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันอุ้มฆ่าอำพรางศพพี่ชายของผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อต่อรองให้ยกฟ้องคดีโอนหุ้นของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน ตกเป็นจำเลย ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำอีกประมาณ 20 ปาก เพื่อให้สำนวนคดีมีความรัดกุม คาดว่าจะสรุปสำนวนคดีได้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ ทันส่งฟ้องคดีตามกำหนดฝากขังผู้ต้องหาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ออกหมายเรียก ร.อ.จักรวาล ตั้งภากรณ์ พี่ชายของ พ.ต.ท.บรรยิน มาสอบปากคำเพิ่มเติม นช่วงเวลา 10.00-11.00 น. วันที่ 4 มีนาคมนี้ ซึ่งจะเกี่ยวกับรถยนต์ที่พ.ต.ท.บรรยิน นำไปใช้ก่อเหตุ เนื่องจาก ร.อ.จักรวาล ขอยืมรถยนต์คันนี้มาจากนายตำรวจในพื้นที่ จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นเจ้าของรถ
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียก นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีที่เป็นผู้ที่ใช้ให้คนงานภายในบ้านไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือหมายเลขที่ พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกใช้ในการกระทำความผิด กับเป็นเจ้าของที่ดินที่พบเศษชิ้นส่วนกระดูกของผู้เสียชีวิต
ยึดเสื้อวินจักรยานยนต์รุมแกร็บไบค์
กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์กลุ่มวินรถจักรยานยนต์รุมทำร้ายแกร็บไบค์บริเวณใกล้อาคารไลฟ์คอนโดมิเนียม ซอยสุขุมวิท 48 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายคือนายทัศดา ฝักฝ้าย อายุ 27 ปี หนุ่มแกร็บไบค์ กับผู้ก่อเหตุคือนายชวลิต แสงสุวรรณ อายุ 44 ปี นายดอกรัก คำนึง อายุ 37 ปี และนายธนากร คำนึง อายุ 59 ปี ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ ผกก.สน.คลองตัน และ พ.ต.ต.ปรีดา มะเดื่อ สว.(สอบสวน) แล้ว โดยกลุ่มวินรถจักรยนยนต์สารภาพว่า เป็นเพราะไม่พอใจที่รับลูกค้าตัดหน้า พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย เปรียบเทียบปรับคนละ 1,000 บาท และยอมชดใช้ค่าเสียหายรวมค่ารักษาพยาบาลคู่กรณี 3,000 บาท โดยทั้ง 2 ฝ่ายไม่ติดใจเอาความกัน
ส่วนทางสำนักงานเขตคลองเตย ใช้มาตรการยึดเสื้อวินรถจักรยานยนต์รับจ้างเนื่องจากกระทำผิดเข้าข่ายความประพฤติไม่เหมาะสมตามข้อ 13 แห่งประกาศคณะกรรมการประจำกรุงเทพมหานคร
วันนี้เวลา 09.00 น. กรุงเทพมหานครจะประชุมคณะอนุกรรมการ 4 ฝ่ายประจำพื้นที่เขตคลองเตย ที่ฝ่ายเทศกิจสำนักงานเขตคลองเตย เพื่อดำเนินการสอบสวนและพิจารณาการลงโทษผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย ตามมาตรการยึดเสื้อวินต่อไป
Grab ห้ามคนขับขี่บนทางเท้า ผิด 2 ครั้งระงับสัญญาณทันที
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่าเพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้ทางเท้าในการสัญจรและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกรุงเทพมหานคร ได้หารือร่วมกับแกร็บ (Grab) ในเรื่องมาตรการลงโทษผู้ที่ขับขี่บนทางเท้า โดย Grab เห็นด้วยและเปิดเผยว่า มีข้อปฏิบัติเพื่อสนับสนุนให้ผู้ขับขี่ให้ความร่วมมือ โดยมีบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรเพิ่มเติมคือ หากผิดครั้งแรก บริษัทจะระงับสัญญาณผู้ขับขี่ และให้เข้ารับการอบรมใหม่ และหากผิดครั้งที่ 2 จะระงับสัญญาณอย่างถาวรโดยไม่มีการอุทธรณ์ โดยหลังจากนี้ กรุงเทพมหานครจะพูดคุยกับ Kerry, Food Panda, Lalamove และ Line man ต่อไป
สำหรับผลการดำเนินการโครงการกวดขันรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดหรือขับขี่บนทางเท้าระหว่างวันที่ 1-24 กุมภาพันธ์ สำนักงานเขตสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 687 ราย แยกเป็น ประชาชนทั่วไป 641 ราย วินจักรยานยนต์ 28 ราย แกร๊บ 18 ราย ปรับเป็นเงิน 1,327,600 บาท
..