ทันสถานการณ์โลก 06.30 น. วันอังคารที่ 3 มีนาคม 2563

03 มีนาคม 2563, 06:02น.


โควิด-19 แพร่เชื้อ 68 ประเทศทั่วโลก



          สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีการแพร่เชื้อไปถึง 68 ประเทศและดินแดนนับแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีนเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้วมากกว่า 89,000 คน เสียชีวิตมากกว่า 3,000 ราย โดยจีนมีผู้ป่วยรายใหม่และผู้เสียชีวิตลดลง ขณะที่หลายประเทศมีผู้ป่วยใหม่และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่เกาหลีใต้ซึ่งมีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 4,200 คนแล้ว ซึ่งมากกว่าร้อยละ 90 อยู่ที่เมืองแทกู และจังหวัดคย็องซังเหนือที่อยู่ติดกัน นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย ส่วนที่อิหร่านสถานการณ์เป็นที่น่ากังวล เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตแล้ว 66 รายและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 1,501 คน และอิตาลีที่มีผู้เสียชีวิต 34 ราย ติดเชื้อสะสม 1,694 คน



ที่ปรึกษาผู้นำสูงสุดของอิหร่านเสียชีวิตจากโควิด-19



          ทางการอิหร่านประกาศว่า นายโมฮัมหมัด มีร์โมฮัมมาดี อายุ 71 ปีสมาชิกสภาที่ปรึกษาของ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งประเทศอิหร่านเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อจากนางมาซูเมห์ เอบเทคาร์ รองประธานาธิบดีอิหร่าน ฝ่ายกิจการสตรีและครอบครัว



          โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่จากองค์การอนามัยโลกเดินทางถึงอิหร่าน เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคเนื่องจากสถานการณ์ของโรคที่มีความรุนแรงที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง และจากการตรวจสอบประวัติผู้ติดเชื้อในหลายประเทศ พบว่า เพิ่งเดินทางกลับมาจากอิหร่าน



ชินจอนจิขอโทษชาวเกาหลีใต้



          เมื่อวานนี้ นายลี มันฮี อายุ 68 ปี ผู้นำลัทธิชินจอนจิ ที่ถูกระบุว่า เป็นศูนย์กลางของการระบาดในเกาหลีใต้ แถลงข่าวและคุกเข่าขอโทษต่อชาวเกาหลีใต้และรัฐบาล ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากผู้ป่วยหญิงหมายเลข 31 ซึ่งเป็นสมาชิกของลัทธิปฏิเสธการตรวจโรค เข้าร่วมในพิธีกรรมของลัทธิมากกว่า 4 ครั้ง และดำเนินชีวิตตามปกติ ทำให้ผู้ติดเชื้อมากกว่าร้อยละ 73



          ทางการกรุงโซลยื่นคำร้องต่ออัยการเพื่อให้ตั้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้นำลัทธิชินจอนจิ และผู้นำอีก 11 คนหลายข้อหา ซึ่งรวมถึงการฆ่าคนตาย และให้ข้อมูลเท็จ



สหรัฐฯ ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19



          สหรัฐอเมริกาเตรียมแถลงยกระดับมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ มีผู้เสียชีวิตเป็นรายที่ 2 โดยเป็นชายอายุประมาณ 70 ปี ชาวเมืองคิงเคาน์ตี รัฐวอชิงตัน เหมือนกับผู้เสียชีวิตรายแรก ทำให้ทางการรัฐวอชิงตันต้องออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยสหรัฐ มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 75 คนแล้ว ส่วนที่รัฐโรดไอแลนด์ พบผู้ติดเชื้อคนแรก เป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ที่เดินทางไปอิตาลีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์



          นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในฐานะประธานคณะทำงานเฉพาะกิจต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ ว่ากำลังประสานงานกับบริษัท 3 เอ็ม ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐมินนิโซตา ให้เพิ่มการผลิตหน้ากากอนามัยอีกอย่างน้อย 35 ล้านชิ้นต่อเดือนสำหรับบุคลากรการแพทย์เพราะคือกลุ่มเสี่ยง ที่ควรได้รับหน้ากากอนามัยก่อน ส่วนการการวิจัยด้านวัคซีนจะเริ่มขึ้นภายใน 6 สัปดาห์นี้ แต่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค หรือซีดีซีมีความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือเอฟดีเอ เพิ่มกำลังการผลิตชุดเครื่องมือตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ทึ่มีเหลืออยู่ประมาณ 75,000 ชิ้น และยืนยันว่าทุกรัฐในประเทศจะได้รับเครื่องมือนี้



หลายประเทศพบผู้ติดเชื้อคนแรก



          โปรตุเกสเป็นประเทศในยุโรปล่าสุดที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อครั้งแรกจำนวน 2 คน โดยคนหนึ่งเดินทางกลับมาจากอิตาลี อีกรายกลับมาจากสเปน



          ต่อเนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ สาธารณรัฐเช็กพบผู้ติดเชื้อ 3 คนแรก ที่เดินทางกลับมาจากอิตาลี



          ส่วนในแถบทะเลแคริบเบียน สาธารณรัฐโดมินิกันเป็นชาติแรกที่พบผู้ติดเชื้อ 1 คนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวอิตาลี



          ซาอุดีอาระเบียพบผู้ติดเชื้อคนแรกเป็นชายที่เดินทางกลับมาจากอิหร่าน ผ่านราชอาณาจักรบาห์เรน แต่ที่สร้างความกังวลคือในตอนที่เดินทางกลับเข้าประเทศ ผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่เปิดเผยว่าเขาเดินทางมาจากอิหร่าน จึงต้องเรียกผู้ที่มีการติดต่อกับผู้ติดเชื้อมาตรวจสอบทั้งหมด



          และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินโดนีเซียพบผู้ติดเชื้อรายแรกจำนวน 2 คนคือหญิงวัย 64 ปี กับลูกสาววัย 31 ปี ที่ติดเชื้อจากชาวญี่ปุ่นซึ่งเดินทางต่อไปมาเลเซียและตรวจพบเชื้อที่มาเลเซีย



เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย



          ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯ เติบโตที่ระดับร้อยละ 2.3 เมื่อปี 2562 แม้ดีกว่าประเทศขนาดใหญ่หลายแห่งในยุโรป แต่ต่ำกว่าเป้าหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำหนดไว้ที่ร้อยละ 3 เนื่องจากบรรยากาศทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่มีความตึงเครียดในปีที่แล้ว



ดาวโจนส์ / น้ำมันโลกเพิ่มขึ้น



          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางหลายประเทศรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน



          ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1,293.96 จุด ปิดที่ 26,703.32 จุด



          เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 136.01 จุด ปิดที่ 3,090.23 จุด



          แนสแดค เพิ่มขึ้น 384.80 จุด ปิดที่ 8,952.17 จุด



          ส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 2 ตามที่มีคาดการณ์ว่าโอเปกและรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลงอีก สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



          ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



...



 



 

ข่าวทั้งหมด

X