"พล.ต.ท.ประวุฒิ" แถลงจับเพิ่ม 2 ผู้ต้องหาโยงเครือข่าย"พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์"

30 พฤศจิกายน 2557, 12:55น.


ความคืบหน้า การควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีเดียวกับพลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ฉายาพัฒน์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 5 คนซึ่ง ประกอบด้วย นายชลัช โพธิราช นายวิทยา เทศขุนทด สิบเอกณธกร ยาศรี สิบเอกธีรพงศ์ ช่อจำปี และนายณัฐนันท์ ทานะเวช



ซึ่งพลตำรวจโทประวุฒิ  ถาวรศิริ ผู้ช่วยบัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท.ผบช.ก.) แถลงการจับกุม นายณัฐนันท์ และนายชลัช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์  ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดไม่กระทำการใดให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกายหรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ  โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งทั้ง 2 คนถูกชุดสืบสวนจากกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 จับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 3 ซอยสุทธิพงษ์ 4 แขวงดินแดน เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เนื่องจากหลังจากที่มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 5 คนแล้ว นายชลัชและนายณัฐนันท์ถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก จนติดต่อขอมอบตัว



โดยพฤติกรรมของผู้ต้องหาได้มีการข่มขู่นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ผู้เสียหายเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน เพื่อขอลดหนี้ที่นายนพพร ศุภพิพฒน์ ขอกู้ยืมจำนวนกว่า 120 ล้านบาท แต่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาพยายามอุ้มตัวไปเพื่อข่มขู่และขอให้ลดหนี้เหลือ 20 ล้านบาท ทำให้ผู้เสียหายไม่ยินยอมและมีปากเสียงกัน กระทั่งมีชาวบ้านในละแวกนั้นมามุงดู เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมเหตุการณ์และเชิญตัวไปที่ สน.วัดพระยาไกร  แล้วปล่อยตัวทั้ง 2 ฝ่าย จากนั้นมีการนัดไปเจรจาประนอมหนี้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล และมีการแอบอ้างเบื้องสูงทั้งพยายามจะอุ้มผู้เสียหายอีกครั้ง ทำให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความในเวลาต่อมา



สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยนายชลัชให้การว่า เป็นคนขับรถให้กับนายชากานต์ ภาคภูมิ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เพื่อไปเชิญตัวผู้เสียหายแต่ไม่ได้พกพาอาวุธ และได้ค่าจ้างคนละ 4,000 บาท พร้อมยอมรับว่าเคยเจอกับคนในตระกูลอัครพงศ์ปรีชาจริง แต่ไม่เคยพูดคุยด้วยเพราะมีหน้าที่ขับรถมาส่งเจ้านายเท่านั้น



สำหรับคดีนี้ยังเหลือผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 3 รายที่ยังหลบหนีอยู่ คือ นายวิทยา เทศขุนทด สิบเอกณธกร ยาศรี และสิบเอกธีรพงศ์ ช่อจำปี โดยมีบางคนติดต่อขอเข้ามอบตัวภายใน 1-2 วันนี้แล้ว ซึ่งทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายของ พลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพัฒน์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง



ส่วนกรณีการถอดยศตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน ที่มีเงื่อนไขกำหนดไว้ 4 ประเด็น อาทิต้องโทษคำพิพากษาสูงสุด และเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการมาดำเนินการ ขณะที่การเรียกตัวพันตำรวจโททรงรักษ์ ขุนศรี รองผู้กำกับการ 6 กองปราบปราม มาให้การในคดีนี้เพิ่มเติม เนื่องจากเป็นผู้ใกล้ชิดกับพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์และทราบเรื่อง



ขณะที่การเรียกตัวพันตำรวจโททรงรักษ์ ขุนศรี รองผู้กำกับการ 6 กองปราบปราม มาให้การในคดีนี้เพิ่มเติม เนื่องจากเป็นผู้ใกล้ชิดกับพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์และทราบเรื่องเและทราบเรื่องเส้นทางผลประโยชน์นั้น พันตำรวจโททรงรักษ์เคยเข้าให้การครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อติดต่อให้เข้าให้การเพิ่มเติมอีกครั้งยังไม่สามารถติดต่อได้ และเกรงว่าหากยังหลบหนีอยู่อาจจะเกิดอันตรายได้ และถ้าไม่มาพบภายใน 15 วันตามกฎถือว่าจะต้องถูกให้ออกจากราชการ ซึ่งได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้แล้วผ่านมาประมาณ 3-4 วัน



 



..ผสข.สานนท์ เจริญพันธุ์ 

ข่าวทั้งหมด

X