ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563
สั่งปิด ร.ร.นานาชาติย่านดอนเมืองหลังพบนร.-ครูเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงกว่า 500คน
ในวันพรุ่งนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนหรือ กช.จะประชุมโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงแนวทางป้องกัน หลังนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) ได้รับรายงานว่า นักเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง 445 คน และครู 60 คน รวม 505 คน เดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง และได้เดินทางกลับมาในวันที่ 23 ก.พ. เบื้องต้นโรงเรียนได้สั่งให้ทั้งหมดเก็บตัวอยู่ภายในบ้านพัก และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างเคร่งครัด
สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ มีนักเรียนทั้งหมดกว่าพันคน แม้ว่ากลุ่มที่เดินทางไปจะไม่ได้เข้ามาภายในพื้นที่โรงเรียนแต่เพื่อความสบายใจ สช.จึงสั่งให้ปิดโรงเรียนไปก่อนและให้เรียนผ่านระบบออนไลน์แทน ซึ่งโรงเรียนนานาชาติมีระบบนี้อยู่แล้ว ส่วนโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมืองมีเด็กติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มหรือไม่นั้น ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ได้กำชับให้ผู้บริหารดูแลและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
กพท.ลดค่าธรรมเนียมช่วยธุรกิจการบิน พร้อมมาตรการช่วยเหลือ
การประเมินจำนวนผู้โดยสารสายการบินตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2563 คาดว่า จะมีการยกเลิกเที่ยวบิน 9,797 เที่ยวบิน นักท่องเที่ยวหายไปประมาณ 3 ล้านคน ส่งผลทำให้ปีนี้นักท่องเที่ยวจะลดลงร้อยละ 8.7 หรือประมาณ 5 ล้านคน เหลือเพียง 81 ล้านคน จาก 85-86 ล้านคนต่อปี ซึ่งสายการบินต้นทุนต่ำจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากเส้นทางบินส่วนใหญ่เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า หลังจากหารือร่วมกับ 20 สายการบินที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีการสรุปมาตรการช่วยเหลือสายการบิน 5 ข้อ ได้แก่ การลดค่าใช้จ่าย 50% จนถึงสิ้นปี อาทิ ค่าธรรมเนียมขึ้นลงสนามบิน ค่าเช่าหลุมจอด มาตรการเพิ่มรายได้ ด้วยการลดขั้นตอนให้สายการบินสามารถดำเนินการปรับเปลี่ยนเส้นทางบิน หรือเพิ่มเส้นทางบินเพื่อสร้างรายได้ให้ง่ายขึ้น มาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว มาตรการลดภาษีสนามบิน เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และมาตรการขยายเวลาชำระหนี้ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้กับสายการบินในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคร้ายด้วย ว่ากันว่ามีสายการบินเตรียมขายเครื่องบินแล้ว 2 ลำ เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหวและจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.)ในวันที่ 6 มีนาคมนี้
กรมการค้าภายใน ขอความร่วมมือร้านสะดวกซื้อ จำหน่ายหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึง
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้มีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อย เพื่อขอความร่วมมือจำหน่ายสินค้าหน้ากากอนามัย ล่าสุดได้รับความร่วมมือจากร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส และร้านธงฟ้าทั่วประเทศจำหน่ายสินค้าหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง หลังจากนี้จะมีการจำหน่าย 4 ชิ้น 10 บาท กระจายทุกพื้นที่ตามสาขาต่าง ๆ ของห้างค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อรวมกว่า 15,000 สาขา โดยมั่นใจว่าจะสามารถกระจายสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่กำลังวิตกกังวลอยู่ในช่วงของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้
ขณะที่การจำหน่ายสินค้าหน้ากากอนามัยที่กระทรวงพาณิชย์ยังคงมีวางจำหน่ายจำกัดการซื้อคนละ 10 ชิ้น เฉลี่ยมีผู้ซื้อประมาณวันละ 10,000-20,000 ราย โดยสตอกสินค้าหน้ากากอนามัยเวลานี้ 30 ล้านชิ้น กระจายให้ประชาชนได้สัปดาห์ละ 3 ล้านชิ้น หรือวันละประมาณ 500,000 ชิ้น
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังเข้มงวดตรวจสอบเอาผิดผู้ค้าที่มีการฉวยโอกาส ล่าสุดมีการจับกุมดำเนินคดีแล้ว 48 ราย 30 รายเป็นการค้ากำไรเกินควรมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และมี 8 ราย ไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า ด้านการส่งออกมีผู้ประกอบการขอส่งออกกับกรมการค้าภายใน แต่อนุญาตให้ส่งออกได้เพียงบางส่วนในสินค้าหน้ากากอนามัยที่ใช้เฉพาะทางการแพทย์และในโรงงาน 3-4 ล้านชิ้น จากผู้ที่ขอส่งออก 40 ล้านชิ้น
หุ้นไทยปิดบวก 28.67 จุด รับแรงช้อนซื้อ
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ เคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน มีแรงซื้อกลับ หลังจากก่อนหน้านี้ดัชนีปรับลดลงแรง แต่นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการติดเชื้อนอกประเทศจีน อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจวงกว้าง ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,395.08 จุด เพิ่มขึ้น 28.67 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 2.10% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 74,552.75 ล้านบาท ขณะที่ ระหว่างวันดัชนีสูงสุดของวันอยู่ที่ 1,397.69 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,355.63 จุด
นิกเกอิหลุดระดับ 22,000 จุด
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และปิดต่ำกว่าระดับ 22,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2562 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 477.96 จุด ที่ 21,948.23 จุด
ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน หลังจากที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ดัชนีฮั่งเส็ง เพิ่มขึ้น 82.13 จุด ปิดวันนี้ที่ 26,778.62 จุด
จีนจ่ายเงินให้กลุ่มเสี่ยงติดโควิด-19 เข้ารับการคัดกรอง
เมืองเฉียนเจียง ในมณฑลหูเป่ย ของจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังดำเนินความพยายามที่จะเพิ่มความมั่นใจว่าผู้ติดเชื้อทุกคนเข้าสู่กระบวนการรักษาโรค โดยประกาศเงินรางวัล 1 หมื่นหยวน (ประมาณ 45,300 บาท) เพื่อให้ประชาชนร่วมเป็นอาสาสมัครแจ้งเหตุเมื่อพบผู้ป่วยติดเชื้อหรือเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจโรคโดยสมัครใจ โดยเจ้าหน้าที่จะจ่ายเงินหลังจากที่มีผลตรวจยืนยันว่าบุคคลผู้นั้นเป็นผู้ติดเชื้อจริง หรือหากตรวจแล้วมีผลตรวจเป็นลบ ก็มีเงินรางวัลให้เช่นกัน โดยเมืองเฉินเจียง ที่มีประชากร 1 ล้านคน อยู่ห่างจากเมืองอู่ฮั่นที่เป็นเมืองเอกของมณฑลประมาณ 150 กม. พบผู้ป่วยทั้งหมด 197 คน
ส่วนทั้งมณฑลหูเป่ย มีรายงานผู้ป่วยมากกว่า 65,000 คน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,600 ราย จากทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตประมาณ 2,800 รายและติดเชื้อประมาณ 80,000 คน
ทางการจีน ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางไปที่มณฑลหูเป่ย เพื่อตรวจสอบกรณีที่มีรายงานว่า มีนักโทษหญิงที่เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้รับการปล่อยตัวเมื่อพ้นโทษ และญาติของเธอขับรถมาส่งที่กรุงปักกิ่ง โดยเมื่อวานนี้ สื่อในกรุงปักกิ่ง รายงานว่า นักโทษรายนี้ที่ใช้ชื่อว่า “หวง” ได้รับการปล่อยตัวอย่างถูกต้อง แต่เมื่อมาถึงกรุงปักกิ่งก็ถูกกักพื้นที่พร้อมสมาชิกอีก 3 คน ในครอบครัว แต่เธอเป็น 1 ในนักโทษมากกว่า 300 คน ที่ติดเชื้อ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่ายังมีช่องว่างระหว่างการบังคับใช้กฎหมายกับการควบคุมโรค และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่มณฑลหูเป่ย มีการบวกจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 200 คนเข้าไปในสถิติที่มีการรายงานทุกวัน
ผลชันสูตรชิ้นส่วนมนุษย์พบเป็นของพี่ชายผู้พิพากษาจริง
คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. เรียกประชุมชุดทำงานสืบสวนสอบสวน กองปราบปราม และบก.สส.บช.น. เพื่อติดตามแนวทางคดีการอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ พร้อมพวกรวม 6 คน ตกเป็นผู้ต้องหา พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 70 แต่ผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของชิ้นส่วนกระดูกกับกะโหลกศีรษะมนุษย์ที่พบในผืนดินรกร้าง จ.นครสวรรค์ ยังไม่มีรายงานออกมาอย่างเป็นทางการ มีรายงานในที่ประชุมว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้สอบปากคำพยานในคดีการอุ้มฆ่าไปแล้ว 40 ปาก เหลืออีก 20 ปาก เพื่อที่จะรวบรวมสำนวนส่งฟ้องได้ โดยจากนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการประสานเพื่อขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อตรวจสอบหาเงินจำนวน 2 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินค่าจ้างในการก่อเหตุ
สำหรับผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของชิ้นส่วนกระดูกบริเวณกะโหลกศีรษะที่พบในพื้นที่รกร้าง จ.นครสวรรค์ และคราบเลือดบนรถโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุมีผลอย่างไม่เป็นทางการออกมาแล้วว่า เป็นของนายวีรชัย แต่ผลการตรวจอย่างเป็นทางการจะออกมาภายในสัปดาห์หน้า หากผลตรวจออกอย่างเป็นทางการจะนำมารวบรวมเพื่อประกอบนำสำนวน ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหากล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย เพิ่มอีก 4 ข้อหา ประกอบไปด้วย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเสี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ซ่อนเร้นอำพรางศพ และเรียกค่าไถ่ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ส่วนพ.ต.อ.บรรยิน จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มจากอีก 3 ข้อหา แต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบตำรวจ และกระทำการใดๆ อันทำให้ราชการตำรวจถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง หรือทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ราชการตำรวจ หรือทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าตนเป็นตำรวจ, แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน, และแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ เนื่องจากในวันเกิดเหตุที่อุ้มนายวีรชัย ที่หน้าศาล พ.ต.ท.บรรยินได้ใส่เครื่องแบบก่อนที่จะออกอุบายเข้าไปแสดงตัวกับนายวีรชัยเพื่อขอตรวจสอบบัตรประชาชนและเชิญตัวพาขึ้นรถไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมและบุคคลใกล้ชิด ต่างให้การเชื่อมโยงสอดคล้องกับข้อมูลที่ชุดสืบสวนพบ โดยเฉพาะในเรื่องของรถที่ใช้ในการก่อเหตุที่ทางบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นลูกน้องภายในบ้านของพ.ต.ท.บรรยิน ต่างยืนยันว่ารถกระบะโตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์ หมายเลขทะเบียน ชฉ 583 ที่เป็นของกลางทางคดีเป็นรถที่ทางพ.ต.ท.บรรยินใช้เป็นประจำ รวมทั้งทางแม่บ้านของพ.ต.ท.บรรยิน ยืนยันว่า ซิมการ์ดที่กลุ่มผู้ต้องหาใช้ติดต่อก็เป็นคนไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ให้ภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน เมื่อวันที่ 5 ม.ค.63
ข่าวทั้งหมด