ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ของไทย ภาพรวมผู้ปวยติดเชื้อไวรัสคงที่ 35 คน มีข่าวดีคือหายป่วย 1 คนเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน อายุ 54 ปี ซึ่งรักษาอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าแพทย์ไทยรักษาผู้ป่วยหายเป็นปกติกลับบ้านได้แล้วรวม 21 คน ยังคงรักษาอยู่ในห้องแยกโรค ของโรงพยาบาลต่าง ๆ 14 คน ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) พบเพิ่มอีก 103 คน รวมมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครวม 1,355 คน ยังคงรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 284 คน อนุญาตให้กลับบ้านและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,071 คน
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษา ที่เดินทางไปทัศนศึกษาในต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะติดเชื้อ แล้วกลับมาประเทศไทย โดยจะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจหาเชื้อ และขอใบรับรองแพทย์ก่อนไปโรงเรียน ซึ่งกระทรวงฯเข้าใจถึงความกังวล แต่ไม่แนะนำให่้ทำเช่นนี้ เพราะการไปตรวจขณะไม่มีอาการจะมีโอกาสน้อยที่จะพบเชื้อ จึงขอความร่วมมือว่าหากผ่านจุดคัดกรองแล้วไม่พบไข้ ควรพักอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน และสังเกตอาการป่วยตัวเอง งดออกไปเดินในที่สาธารณะ งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ขณะที่สถานศึกษาควรช่วยจัดการคัดกรอง หากพบผู้ใดป่วย มีไข้ ไอ น้ำมูก ควรพาไปพบแพทย์ทันที และควรมีหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้เด็กนักเรียน มีเจลล้างมือตามจุดต่าง ๆ
ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงการนำพลาสมาของผู้ป่วยไทยรายแรกที่ติดเชื้อแล้วหายดี มาช่วยรักษาผู้ป่วยอาการหนัก 2 คน ที่ใช้ทั้งเครื่องช่วยพยุงปอด (เอคโม) ว่า ทั้งคู่อาการทรงตัว ยังคงใช้เครื่องช่วยหายใจ พร้อมกล่าวว่า วิธีการรักษาใด ๆจะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับอาการรุนแรงของผู้ป่วย และการจะนำตัวยาใดไปรักษาผู้ป่วยนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถช่วยรักษาผู้ป่วยทุกคนได้ เพราะบางคนอาจจะดีขึ้นบางคนอาจรุนแรง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกัน ส่วนเรื่องการใช้พลาสมาของบุคคลที่หายดี ก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้ทุกคน เพราะต้องประเมินหลายด้าน เช่น การเข้ากันของพลาสมา บุคคลนั้นมีโรคประจำตัวอื่น ๆหรือไม่
....