ทันสถานการณ์โลก 06.30 น. วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563

จีนตำหนิสหรัฐฯแพร่เชื้อแห่งความกลัว

          จากสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งพบผู้ป่วยสะสมในจีนมากกว่า 17,000 คนแล้ว และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 360 ราย แต่พบว่ามีประเทศและดินแดนอีก 24 แห่งที่พบผู้ติดเชื้อ กระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศว่า สิ่งที่จีนต้องการอย่างเร่งด่วนคือหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรค และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยหลายเมืองในจีนมีข้อบังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ แต่โรงงานที่สามารถผลิตหน้ากากได้ราววันละ 20 ล้านชิ้น และผลิตได้เพียงร้อยละ 60-70 ของกำลังการผลิต จึงต้องนำเข้าจากยุโรป, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ขณะที่หลายประเทศร่วมกันบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์มาให้

          ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของจีนตำหนิรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าสร้างความแตกตื่นไปทั่วจากการที่เป็นประเทศแรกที่เริ่มอพยพนักการทูตของตนออกจากอู่ฮั่น และเป็นประเทศแรกที่ออกคำสั่งห้ามนักเดินทางชาวจีนเข้าประเทศ ทั้งไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ เลย จีนหวังว่าประเทศอื่นจะใช้ดุลยพินิจและตอบสนองสถานการณ์อย่างมีเหตุผล สงบ และอิงจากหลักการทางวิทยาศาสตร์

ไวรัสโคโรนากระทบเศรษฐกิจจีนในวงจำกัด

          เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จะส่งผลกระทบเพียงชั่วคราวต่อเศรษฐกิจจีน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่รองรับการขยายตัวในระยะยาวยังอยู่ในระดับที่ดี โดยพบว่า ขณะที่สถานการณ์ของโรคระบาดส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมด้านการคมนาคมและการท่องเที่ยว แต่ธุรกิจออนไลน์ อาหาร และบันเทิง ยังคงมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

          ธนาคารกลางจีนลดดอกเบี้ย ประมาณร้อยละ 0.10 และจะอัดฉีดเงิน 1,200,000ล้านหยวน หรือประมาณ 173,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าสู่ตลาดโดยผ่านธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repurchase agreement) ตามที่ทางการจีนให้คำมั่นว่า จะจัดเตรียมสภาพคล่องให้เพียงพอและเรียกร้องให้นักลงทุนประเมินผลกระทบของไวรัสอย่างไม่มีอคติ หลังจากที่นักลงทุนเป็นกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จนทำให้มูลค่าตลาดหุ้นจีนหายไปมากกว่า 420,000 ล้านดอลลาร์ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปรับตัวลงร้อยละ 8 ต่ำสุดในรอบหนึ่งปี

          โกลด์แมน แซคส์ เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อราคาน้ำมันโดยอาจจะลดลงถึง 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเปรียบเทียบกับสถานการณ์โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส เมื่อปี 2545-2546 และคาดการณ์ว่า ดีมานด์น้ำมันทั้งหมดอาจลดลงประมาณ 260,000 บาร์เรลต่อวัน โดยราคาน้ำมันสำหรับเครื่องบินจะลดลงมากที่สุด เนื่องจากการเดินทางด้วยเครื่องบินลดลง

โอเปกและพันธมิตรเตรียมลดกำลังการผลิต

          โอเปกและพันธมิตร (โอเปก+) กำลังพิจารณาปรับลดกำลังผลิตน้ำมันลงอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน โดยคณะกรรมการร่วมระหว่างโอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก (Joint Technical Committee: JTC) จะประชุมในวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ เพื่อประเมินผลกระทบของไวรัสโคโรนา และจะออกคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนตลาด จากนั้นจะเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เลื่อนขึ้นมาจากเดือนมีนาคม มาเป็นวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงมากกว่า 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาแตะที่ระดับ 56 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับราคาที่น้อยกว่าระดับราคาที่ชาติสมาชิกโอเปกต้องการ โดยแนวทางที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคือซาอุดีอาระเบียจะลดกำลังการผลิตชั่วคราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อผลักดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น

หุ้นแอร์เอเชียร่วง ถูกแฉแอร์บัสติดสินบนผู้บริหาร

          ราคาหุ้นของแอร์ เอเชีย กรุ๊ป และแอร์เอเชียเอ็กซ์ ปรับตัวลงในการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มาเลเซีย โดยลดลงไปถึงร้อยละ 11 เหลือ 1.27 ริงกิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 ในขณะที่หุ้นแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ปรับตัวลงร้อยละ 12 โดยลงไปอยู่ในระดับต่ำสุดตลอดกาลที่ 11.5 ริงกิต หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของมาเลเซีย (MACC) กำลังสอบสวนกรณีที่สำนักงานการปราบปรามการทุจริตของสหราชอาณาจักร ตั้งข้อกล่าวหาว่าแอร์บัสมีการติดสินบนผู้บริหารของแอร์เอเชีย ในช่วงเดือนตุลาคม 2556 ถึงเดือนมกราคม 2558 เพื่อโน้มน้าวใจให้สั่งซื้อเครื่องบินจากแอร์บัส โดยแอร์เอเชียเป็นกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่สุดของเอเชีย มีเครื่องบินแอร์บัสทั้งหมด 274 ลำ อย่างไรก็ตามแอร์เอเชียปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสินบนทั้งยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนของคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตของมาเลเซีย และของสหราชอาณาจักร

          คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของมาเลเซีย จะมีการตรวจสอบว่าแอร์เอเชียฝ่าฝืนระเบียบหลักทรัพย์หรือไม่

นาโตชี้ส่งทหารมะกันมายุโรปไม่ได้ต้านรัสเซีย

          นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติคเหนือ หรือนาโต เปิดเผยว่า แผนเคลื่อนย้ายกำลังพลครั้งใหญ่ของกองทัพสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรไปยุโรปตะวันออก เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมทางทหาร ไม่ได้มีเป้าหมายต่อต้านรัสเซีย

          โดยปฏิบัติการ "เดเฟนเดอร์ยุโรป 2020" จะมีทหารราว 37,000 คนจาก 18 ประเทศ นับเป็นการส่งกำลังพลสหรัฐฯ ประจำการในยุโรปจำนวนมากที่สุดในรอบมากกว่า 25 ปี จะเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน โดยสหรัฐฯ จะส่งทหารมากกว่า 20,000 คนมาประจำการในยุโรป

น้ำมันดิ่ง /หุ้นสหรัฐฯฟื้น

          ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีและข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 143.78 จุด ปิดที่ 28,399.81 จุด

          เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.40 จุด ปิดที่ 3,248.92 จุด

          แนสแดค เพิ่มขึ้น 122.47 จุด ปิดที่ 9,273.40 จุด

....