ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น. วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2563

30 มกราคม 2563, 07:49น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น. วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2563



สธ.ระบุนักท่องเที่ยวจีนที่เสียชีวิตที่เชียงใหม่ อาการไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ



          นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวจีนอายุ 32ปี เสียชีวิตที่รีสอร์ทในจังหวัดเชียงใหม่ว่าได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่สอบสวนโรค ได้รับรายงานว่าผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน เดินทางจากเมืองกวางโจว บินตรงมาลงที่เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 มกราคม



          เบื้องต้นเพื่อนผู้เสียชีวิตแจ้งว่า ไม่มีอาการผิดปกติมาก่อน ไม่มีไข้ ไอ หอบเหนื่อย ซึ่งไม่เข้าเกณฑ์ของผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แต่สอบสวนพบว่าได้ดื่มสุราตั้งแต่ช่วงเย็น อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วได้เก็บตัวอย่างเนื้อปอดผู้เสียชีวิตส่งตรวจการติดเชื้อทางห้องปฏิบัติการ และวางแผนผ่าศพพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต



           สำหรับเพื่อนของผู้เสียชีวิตเดินทางมาพบ 4 คน ขณะนี้ทุกคนอาการปกติ สำหรับการใส่ชุดและอุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อของเจ้าหน้าที่นั้น เป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อ เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน และยังไม่มีข้อมูลการสอบสวนมาก่อน  



           พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดในการดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา พร้อมกล่าวกับนักท่องเที่ยวภายในสนามบินให้มั่นใจมาตรการของไทยที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด การทำงานของเจ้าหน้าที่ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กรมแพทย์ทหารบก มีความรอบคอบดี ตรวจสอบครบทุกช่องที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยง ทั้งตรวจวัดอุณหภูมิความร้อน ถึง 3 ด่าน ตั้งแต่ลงเครื่องจนออกจากตม. หากพบผิดปกติก็ส่งโรงพยาบาล เป็นการทำงานตามหลักการสากล



          ส่วนเรื่องที่จะรับคนกลับเรามีแผนไว้แล้วเพียงแต่ต้องรอเวลาที่จะเคลื่อนย้ายได้​ แต่ไม่ใช่การอพยพ เรียกว่าการเคลื่อนย้ายกลับ รัฐบาลจะดูแลตรงนี้ รอเวลานิดนึงแล้วกัน ทางการจีนกำลังจัดลำดับคิวอยู่  ไม่ใช่ใครจะไปก็ไปทันที เพราะขณะนี้เขาปิดเมืองอยู่ สนามบินก็ยังลงไม่ได้ ต้องขออนุมัติเป็นเรื่องๆ เป็นประเทศไป ในส่วนของคนไทยมี 65 คน เด็ก เราก็พร้อมที่จะรับกลับ โดยเฉพาะที่เมืองอู่ฮั่นก่อน โดยใช้เครื่องบินพาณิชย์ รัฐบาลดำเนินการทั้งหมด พร้อมทีมแพทย์ไปตรวจคัดกรองก่อนที่จะเข้ามาด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา จากการพูดคุยกับอุปทูตจีน ซึ่งเป็นการคุยโดยตรง มีการรายงานว่าคนไทยในอู่ฮั่น ตอนนี้สามารถติดต่อได้ อาหารการกินก็จัดหาให้ ยืนยันมีคนทำงานอยู่ไม่ต้องรอนายกฯ สั่งทั้งหมด การดำเนินการมีแผนอยู่แล้ว เคยรับมือโรคซารส์ อีโบล่า ไข้หวัดนกมาแล้ว วันนี้สถิติการควบคุมโรคของไทยดีเป็นอันดับ 6 ของโลก  ทีมงานมีอยู่แล้วบริหารได้ เขาทำงานกันเต็มที่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำงานชนิดที่ไม่ได้หลับได้นอน รวมทั้ง แพทย์ทหาร ถ้าไม่มีทหารก็ไม่มีแพทย์ทหาร อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ จะไปตรวจติดตามและเยี่ยมผู้ป่วยที่สถาบันบำราศนราดูร



รองนายกฯ เร่งแก้ไขปัญหาข่าวปลอม สั่งกรมควบคุมโรคแถลงข่าวให้มากขึ้น



         ข่าวปลอมระบาดไม่หยุดแบบนี้ ระหว่างตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงาน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ออกมาตำหนิ พร้อมระบุว่า คนบ้าพวกนี้ ไม่มีความรักชาติ รักบ้านเมืองเลย คนที่มีความทุกข์เดือดร้อน เจ้าหน้าที่ ข้าราชการที่ทำงานอยู่เดือดร้อนกันแสนสาหัส แล้วมาทำความกดดัน และยังมากลั่นแกล้งกันแบบนี้อีก พร้อมกับบอกว่าขอให้รับฟังการแถลงจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น ตอนนี้ได้ให้อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวให้มากที่สุด ไม่ใช่บ่ายสองมาแถลงทีหนึ่ง หรือเมื่อมีเหตุการณ์ควรจะรายงาน หรือถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไร ก็ให้แถลงสรุปทุกวัน หรือแนะแนว เช่น กินร้อน ช้อนกลาง ใส่หน้ากาก ใช้เจลล้างมือบ่อยๆ ก็จะลดความเสี่ยงได้มาก  นายอนุทิน ยังโพสต์ในเฟซบุ๊ก ยืนยันถึงมาตรฐานการรับมือโรคระบาดของประเทศไทย ซึ่งอยู่ลำดับ 6 ของโลก และ ลำดับที่ 1 ของเอเชีย “ที่ร้ายกว่าไวรัส แพร่กระจาย คือวายร้าย แพร่ข่าวปลอม”



           นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่แถลงเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.)ว่า สธ.ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แจ้งความเอาผิดกับผู้ปล่อยข่าวลวง เกี่ยวกับเชื้อดังกล่าวแล้ว 7 ราย และขออย่าเชื่อข่าวลือใดๆ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามมาที่ กระทรวงสาธารณสุข หรือสายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง



           ส่วนนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีดีอีเอส ก็บอกว่า ตอนนี้เรามีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ในการกรองข่าว มีช่องทางในการนำเสนอต่อประชาชน ผ่านไลน์ 1,300,000 กว่าคน ตั้งแต่มีเรื่องไวรัสโคโรนา เราขึ้นข่าวถี่มาก เพราะข่าวปลอมมีเยอะ หลายคนที่บอกว่า ศูนย์เงียบ อาจจะไม่เข้าใจ ไม่ทราบช่องทางที่เรากระจายข่าว ก็อยากฝากประชาสัมพันธ์ให้เข้ามาเป็นสมาชิกในไลน์กรุ๊ป “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม”จะได้ทราบเวลามีข่าวปลอม จะได้ช่วยแชร์ได้ข่าวว่าใดจริงไม่จริง



ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยส.ส.เสียบบัตรแทน งบปี 2563



           ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่  กรณีปรากฏคลิปภาพ ส.ส.เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน โดยคำร้องทั้ง 3 ฉบับ เป็นความเห็นของนายวิรัช รัตนเศรษฐ มีส.ส.เข้าชื่อจำนวน 109 คน ความเห็นของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่มีส.ส.เข้าชื่อ จำนวน 84 คน และความเห็นของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่มีส.ส.เข้าชื่อ จำนวน 77 คน  และให้  3 ส.ส. ได้แก่ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 4 ก.พ.  



           ขณะที่คำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ศาลไม่รับคำร้องเนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์เนื่องจากมีลายมือชื่อของผู้เสนอความเห็นซ้ำกับคำร้องนายสมพงษ์จำนวน 30 คน จึงทำให้จำนวน ส.ส.ที่เข้าชื่อเสนอความเห็นตามคำร้องนี้มีจำนวนไม่ถึง 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือ 75 คน กรณีนี้จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ



           นอกจากนั้น การเผยแพร่สกู๊ปเรื่องปัญหาเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส.ของสถานี โทรทัศน์ช่อง 7 สี ปรากฏภาพนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ในลักษณะใช้มือขวาดึงบัตรใบหนึ่งออกจากช่องเสียบบัตรลงคะแนน และใช้มือซ้ายเสียบบัตรลงคะแนนอีกใบเข้าไปในช่องเสียบบัตร คล้ายๆกับเป็นการเสียบบัตรลงคะแนนมากกว่าหนึ่งใบ ทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันหรือไม่



            ต่อมานายถาวรแถลงชี้แจงว่า ยืนยันว่าไม่ได้เสียบบัตรแทน แต่เป็นเพราะห้องประชุมจันทรามีเพียง 250 ที่นั่ง ทำให้จุดเสียบบัตรไม่พอต่อจำนวนส.ส. ที่นั่งดังกล่าวเป็นที่ประจำของนายประกอบ รัตนพันธุ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แต่บังเอิญช่วงที่ลงมตินายประกอบไม่ได้อยู่ที่นั่งแต่มีบัตรเสียบคาไว้ ตนจึงดึงบัตรของนายประกอบออก และเสียบบัตรของตนเพื่อลงมติ จังหวะนั้นนายประกอบเดินเข้ามาพอดี ไม่ได้ลงคะแนนแทนใคร เป็นนักกฎหมายและนักการเมืองมา 20 ปี รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จะทำอะไรระมัดระวังตัวอยู่แล้ว หากใครเอาข้อมูลไปเผยแพร่ในทางที่เสียหายจะฟ้องหมิ่น ประมาท หรือหากใครนำไปแชร์ในโลกออนไลน์จะฟ้องเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย เมื่อถามว่ากรณีนี้เหมือนเป็นการเอาคืน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายถาวรตอบว่าคงสันนิษฐานไม่ได้ แต่ผู้นำเสนอเรื่องดังกล่าวเป็นสื่อของรัฐ คิดว่าเขาคงทำตามหน้าที่



          นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญสัปดาห์หน้าสำนักงบประมาณจะเสนอมาตรการรองรับบางอย่างเข้ามา สิ่งที่รัฐบาลต้องระวังคือเรื่องวินัยการเงินการคลัง ที่พูดมาทั้งหมดคือทางแก้เรื่องงบประมาณ ไม่เคยพูดว่าการเสียบบัตรแทนกันไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง ต้องไม่ละเลยการตรวจสอบหาผู้กระทำผิดในเรื่องนี้ คนทำผิดทำไมจึงยังลอยนวลอยู่



          “ชวน” สังเกตการณ์ กมธ.ป.ป.ช.



ช่วงสายที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นำ ครม.กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ โดยเชิญนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการ ครม. กับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากนายธีระพงษ์แจ้งขอเลื่อน ขณะที่นายพรเพชรให้เลขาส่วนตัวโทรศัพท์แจ้งว่าไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ ทั้งนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมด้วย โดยนั่งหัวโต๊ะข้างๆ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่บรรยากาศการประชุมเริ่มปั่นป่วนตั้งแต่ต้น เมื่อทั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสิระ เจนจาคะ และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ กมธ.ฯ จากพรรคพลังประชารัฐ พยายามฟ้องนายชวน ถึงการทำหน้าที่ของประธานกมธ.



ขณะที่นายชวนยังคงนั่งรับฟังเฉยๆ ได้แต่อมยิ้มและก้มดูเอกสารในมือ การโต้เถียงอย่างดุเดือดดำเนินไปกว่า 10 นาที โดยนายสิระพยายามเรียกร้องให้ถอนคำว่า “หนี” แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังทำเป็นไม่สนใจและตัดไมค์นายสิระเป็นระยะ ทำให้นายสิระกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ปากอย่างนี้ เดี๋ยวมีคดีอีก ตอนแก่ก็ต้องไปเจอกันที่ศาล แม้ท่านจะอายุมากกว่าผม แต่ผมจะถอนหงอกท่าน” โดยไม่มีใครสนใจนายชวนที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นิ่งๆ แต่ก็ถอนหายใจเป็นระยะ ก่อนที่นายชวนขออนุญาตออกจากห้องประชุมโดยไม่ได้กล่าวอะไรทั้งสิ้น



           นายชวนให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ตั้งใจมาเยี่ยมและให้กำลังใจ กมธ.ทุกคณะ เพราะภารกิจของกมธ.จะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลปัญหาประชาชน และบ้านเมือง กมธ.ป.ป.ช.ถือว่ามีปัญหาบ่อยจึงต้องการมาสังเกตการณ์ อยากให้กำลังใจ ต้องหาทางทำงานร่วมกัน หาก กมธ.มีปัญหากันเองไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้ จะทำให้การทำงานไม่ราบรื่น มีปัญหาต่อการแก้ปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชน เมื่อถามว่าบรรยากาศการประชุม กมธ.เป็นอย่างไร นายชวนตอบว่า ไม่ขอออกความเห็นต่อบรรยากาศที่เกิดขึ้น เพราะเห็นอยู่ว่าอากาศดี ไม่มีฝุ่น PM 2.5



 “เพชรภูมิ” ลุยเลือกซ่อมแทนพ่อ



           ที่หอประชุม อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ลูกชาย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 เดินทางไปลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 โดยมีนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง และ ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐมาให้กำลังใจ เนื่องจากไม่มีผู้สมัครรายอื่นมาสมัครนายเพชรภูมิได้รับหมายเลข 1 เป็นเลขประจำตัวหาเสียง นายเพชรภูมิเปิดเผยว่า มั่นใจว่าจะได้รับเลือกตั้ง ประชาชนในพื้นที่รู้จักดี ลงพื้นที่กับพ่อมาตลอด จะชูนโยบายเรื่องน้ำ เนื่องจากเขต 2 เป็นพื้นที่ขาดแคลนน้ำเพาะปลูก ส่วนพรรคเพื่อไทยจะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 เพราะมองว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเห็นว่า ควรเอาเวลาไปเตรียมความพร้อมทวงพื้นที่คืนในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 ที่จะมีผลต่อจำนวน ส.ส.ในทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ และยังจะส่งผลต่อการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย หากมีการเลือกตั้งก่อนวันที่ 24 มี.ค.



‘ดีเอสไอ’ ยังไม่สรุปความเห็นแย้งอัยการ กรณีสั่งไม่ฟ้อง‘ชัยวัฒน์’คดีบิลลี่



           คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกเอกสารข่าวของดีเอสไอ เรื่องคดีการเสียชีวิตของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกลุ่มชาติพันธุ์เชื้อสายกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนต่างๆ ว่า ชุดพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 13/2562 กรณีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ ได้สรุปความเห็นเพื่อแย้งความเห็นของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ซึ่งสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวก จำนวน 6 ประเด็น เพื่อเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาความเห็นเป็นที่สุด ดีเอสไอ ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของกองบริหารคดีพิเศษ ในการพิจารณาสำนวนการสอบสวนชั้นความเห็นแย้ง ไม่ใช่หน้าที่ของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยสำนวนยังอยู่ในกระบวนการตรวจเอกสารสำนวนการสอบสวนและความเห็นของพนักงานอัยการ โดยยังมิได้สรุปประเด็น หรือมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา จึงไม่ทราบว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากแหล่งข่าวใด ทั้งนี้ ในการพิจารณาชั้นความเห็นแย้งจะต้องพิจารณาโดยรอบคอบและใช้ระยะเวลาในการพิจารณา

ข่าวทั้งหมด

X