สหรัฐฯเผยไวรัสโคโรนาเป็นปัจจัยเสี่ยงกระทบศก.คาดปีนี้โต 2%

29 มกราคม 2563, 21:33น.



          สถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่กระทบไปทั่วโลก แม้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อมั่นว่า สหรัฐฯ  สามารถควบคุมและจัดการกับสถานการณ์ในประเทศได้ ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ออกคำเตือนพลเมืองในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจีน ซึ่งเป็นการยกระดับคำเตือนจากเดิมที่จะเตือนเฉพาะเรื่องการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น และเมืองอื่น ๆ ในมณฑลหูเป่ย



          นักวิเคราะห์ คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2 อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ แต่มีปัจจัยเสี่ยง เช่นการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอาจจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ลดลง



          รอยเตอร์ สำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 108 คน พบว่า ส่วนใหญ่ 95 คน คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้เท่าเดิม คือ ระหว่างร้อยละ 1.50 ถึงร้อยละ 1.75 ในการประชุมนโยบาย 2 วันซึ่งจะสิ้นสุดในวันนี้ แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ รวมถึงนายไมเคิล เฟโรลี นักวิเคราะห์จากบริษัทเจพี มอร์แกนของสหรัฐฯ คาดว่า ที่ประชุมเฟดจะหารือประเด็นที่ว่าเฟดจะยังคงใช้นโยบายปัจจุบันคือการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือนต่อไปอีกนานเพียงใด เฟดควรจะปรับลดตัวเลขการซื้อพันธบัตรบ้างหรือไม่ และ เฟดจะหาวิธีแก้ปัญหาในระยะยาวอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมข้ามคืน



           ในแต่ละเดือน เฟด ได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปที่ระบบธนาคารสหรัฐฯ ช่วยให้เฟด สามารถควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นให้อยู่ในพิกัดที่ตั้งเป้าหมายไว้ และยังช่วยแก้ปัญหาชั่วคราวกรณีธนาคารพาณิชย์ขาดเงินสำรอง มิฉะนั้นแล้วอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ก็จะถูกปรับให้สูงขึ้นด้วย แต่มาตรการเช่นนี้ หลายฝ่ายมองว่าไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน เนื่องจากจะส่งผลให้เฟดซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมจากสินทรัพย์จำนวน 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่เฟดถือครองอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคณะกรรมการเฟดบางคนเสนอแนะว่า เฟดควรจะหาทางลดตัวเลขงบดุล โดยเฉพาะตัวเลขการซื้อพันธบัตรรัฐบาลให้น้อยลง ถ้าเป็นไปได้



แฟ้มภาพ 




 

ข่าวทั้งหมด

X