ในปี 2562 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน และมีแนวโน้มว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้มีความเสี่ยงเรื่องโรคติดต่อระหว่างประเทศ แต่ด้วยการป้องกันที่ดี ทำให้สามารถป้องกันโรคติดต่อต่าง ๆ เอาไว้ได้ แต่ขณะนี้มีการแพร่ระบาดโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงจับมือเครือข่ายแท็กซี่ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ขับขี่รถสาธารณะที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว ให้มาเข้ารับการตรวจสุขภาพคัดกรองโรค เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้ผู้โดยสาร และเป็นการป้องกันการระบาดเชื้อไวรัสภายในประเทศ โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วยน.พ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ลงนามข้อตกลงกับผู้ประกอบการ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำร่อง “โครงการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันควบคุมโรค กลุ่มผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถแท็กซี่ ปี 2563”


น.พ.สุวรรณชัย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถสาธารณะทุก ๆ 3 ปีอยู่แล้วแต่ในทุก ๆ ปีก็จะมีโรคใหม่ ๆเข้ามา จึงจำเป็นต้องปรับแผนใหม่ เพื่อตรวจสุขภาพและประเมินความพร้อมด้านร่างกายของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ก่อนการขับขี่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งตามแผนของปีนี้จะให้บริการตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ทั้งการตรวจสุขภาพเบื้องต้น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอ็กซเรย์ปอด ทดสอบการมองเห็นระยะไกล หากพบเจ็บป่วยจะได้ส่งดูแลรักษาต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้ดูแลสุขภาพ ทราบสถานะสุขภาพของตน โดยมีบริการทั้งเชิงรับ ที่สถาบันของกรมควบคุมโรค ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร, สถาบันราชประชาสมาสัย และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และบริการเชิงรุกตรวจสุขภาพเคลื่อนที่แก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ เช่น ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เป็นต้น

ด้านนายจิรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะมากกว่า 350,000 ราย ร้อยละ 34 ขับขี่ในเขตกทม.และปริมณฑล ส่วนผู้ขับแท็กซี่มีกว่า 80,000 คัน ดังนั้นการให้ผู้ขับแท็กซี่มาตรวจสุขภาพจะดำเนินให้ครอบคลุมทั้งหมด จึงต้องขอความร่วมมือแท็กซี่สังกัดสหกรณ์ แท็กซี่นิติบุคคล และแท็กซี่บุคคลธรรมดา มาตรวจสุขภาพด้วยเช่นกัน รวมถึงการให้ข้อมูลทั้งการป้องกันตัวเองและผู้โดยสาร แต่เบื้องต้นแนะนำไปแล้วว่าอย่างน้อยควรสวมหน้ากากอนามัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
....