หลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม นางหิรัญญา สุจินัย รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดBOI เปิดเผยว่า ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบ ยุทธศาสคร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ7ปี(พ.ศ.2558-2564) โดยจะเน้นส่งเสริมการลงทุนที่เป็นประโยชน์ในประเทศและการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งจะให้ความสำคัญกับกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศเป็นหลัก
โดยกิจการที่จะได้รับการส่งเสริมแบ่งเป็น2กลุ่ม กลุ่มแรกคือกิจการที่มีความสำคัญสูงต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจะให้มีการยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และกลุ่ม2คือกลุ่มกิจการอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีไม่สูงแต่มีความสำคัญต่อห่วงโซ่มูลค่า จะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่จะอำนวยความสะดวกผ่านสิทธิประโยชน์ด้านเครื่องจักร วัตถุดิบ และสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ไม่ใช่ภาษี
พร้อมเห็นชอบมาตรการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ให้ก้าวสู่ระดับสากล โดยจะเลือก 38 กิจการจากยุทธศาสตร์ใหม่ มาส่งเสริมภายใต้มาตรการเอสเอ็มอี ให้ได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคลเพิ่มขึ้นอีก 2 ปี จากเกณฑ์ปกติ กำหนดเริ่มต้นใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2558 รวมถึงเห็นชอบนโยบายส่งเสริมการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 พื้นที่ ได้แก่ จ.ตาก จ.ตราด จ.สระแก้ว จ.สงขลา และจ.มุกดาหาร ให้ได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคลเพิ่มอีก 3 ปี โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเขตเศรษฐกิจพิเศษต้องขอรับการส่งเสริมในปี 2560
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบอนุมัติโครงการงส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม 23 โครงการเงินลงทุนรวมกว่า 8 หมื่นล้านบาท โดยมีกิจการที่สำคัญ คือ กิจการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม และกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ( อีโคคาร์เฟส 2 ) ของค่ายรถยนต์ 4 ค่าย เงินลงทุนรวมกว่า 34,600 ล้านบาท ได้แก่ โตโยต้า ซูซูกิ ฮอนด้า และ เอสเอไอซี มอเตอร์ หรือ เอ็มจี นอกจากนี้ได้อนุมัติการขอเพิ่มกำลังผลิตโดยลงทุนเพิ่มในการผลิตอีโคคาร์เฟส 2 ของค่ายนิสสัน จาก 120,000 คันต่อปีเป็น 134,000 คันต่อปี พร้อมอนุมัติการลงทุนสายการบินนกแอร์เส้นทางในและระหว่างประเทศ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท