เกษตรกรอุทัยธานี นำ'ศาสตร์พระราชา'เกษตรผสมผสานมาใช้ รับมือภัยแล้ง

          อุทัยธานีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง โดยเฉพาะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำในจังหวัดพร้อมรับฟังความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ โดยมาที่บ้านเขาว่าน หมู่ 4 ต.บ้านใหม่คลองเคียน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ที่มีการเพิ่มปริมาณน้ำให้เกษตรกรด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาสูบน้ำบาดาลเพื่อดึงน้ำขึ้นมาให้เกษตรกรใช้เพาะปลูกโดยเฉพาะ โดยโครงการนี้เริ่มทำมาตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยงบลงทุน 1,700,000 บาท ที่รัฐออกให้ แต่กลับพบว่าในพื้นที่ไม่มีสระมากพอไว้กักเก็บน้ำที่สูบมาได้

             นางทองมั่น พูลศรี เกษตรกรหมู่บ้านวังตอยาง ต.หนองฉาง อ.เมือง จ.อุทัยธานี บอกเช่นกันว่า ปีนี้แล้งหนัก แต่ยังดีที่ในไร่ตัวเองทำบ่อน้ำตื้นสูบน้ำมาเก็บไว้ ทำให้ไม่กระทบกับการเพาะปลูก ต่างจากบ้านใกล้เคียงที่ตอนนี้ไม่มีน้ำใช้แล้ว แต่ยังดีที่น้ำประปาที่ส่งมาวันเว้นวันยังมีพอ โดยแต่ก่อนตัวเองเคยปลูกอ้อยแต่ระยะหลังขายไม่ได้ก็ต้องปรับเปลี่ยนการเพาะปลูก โดยน้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามศาสตร์พระราชา ที่เป็นแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาปรับใช้เป็นการเพาะปลูกแบบผสมผสาน ทั้งการปลูกไม้ยืนต้นและผักผลไม้หลายชนิดบนเนื้อที่ 20 ไร่ เช่น ฟักทอง, พริก และต้นสัก ทำให้มีรายได้ดีกว่าเดิม   พร้อมเรียกร้องหน่วยงานรัฐมาช่วยเหลือจึงอยากให้ภาครัฐช่วยสร้างบ่อเก็บน้ำลึกและแผงโซล่า เซลล์ พลังงานแสงอาทิตย์ให้ใช้เพื่อประหยัดต้นทุนและเก็บน้ำได้มากขึ้น ซึ่ง สทนช.รับปากจะดูแลให้

            ส่วนนางลำพอง ละอองเภา เกษตรกรในพื้นที่ที่ปกติทุกปีจะปลูกอ้อยเต็มพื้นที่ 25 ไร่ ของตัวเองได้ แต่ปีนี้กับปีที่แล้วปลูกไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำเหลือพอ ทำให้ขาดรายได้จนต้องไปกู้เงินธนาคารมาใช้ แต่ยังดีที่มีน้ำไว้อุปโภคบริโภค จึงขอให้ภาครัฐช่วยหาแหล่งเก็บน้ำเพิ่มและให้เงินเยียวยาที่ลงทุนปลูกอ้อยไปแล้วแต่กลับขายไม่ได้

           ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสทนช. ยอมรับว่า ต้องเร่งหาพื้นที่ทำเป็นสระไว้เก็บน้ำเพิ่ม หากทำได้ก็จะส่งผลดี เพราะน้ำบาดาลที่สูบสามารถสูบได้ 15 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ส่วนพื้นที่อื่นหากจะทำเช่นนี้จะต้องคำนึงถึงสภาพแหล่งน้ำก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ ผลจากการมีน้ำไม่พอและกักเก็บน้ำไม่ได้ ทำให้ตอนนี้ในพื้นที่ไม่มีน้ำใช้เพาะปลูก ภาพในพื้นที่จึงเป็นภาพทุ่งไร่ที่เตียนและแห้งแล้ง มันสำปะหลังและอ้อยที่เกษตรกรหลายสิบหลังคาเรือนในพื้นที่ปลูกมาตลอดก็ไม่สามารถปลูกได้ในปีนี้หรือถ้าปลูกได้ก็ยืนต้นตาย ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นเกษตรกรที่ระบุไปทางเดียวกันว่า ต้องการให้ภาครัฐช่วยหาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่ม เพราะปีนี้แล้งหนัก