สน.บางนา ทำแผนคดีคนร้ายชิงทรัพย์สาวบนสะพานลอย ฝากใครที่เคยโดนจี้มาแจ้งความเพิ่ม

           ภัยร้ายจากการถูกจี้ชิงทรัพย์บนสะพานลอยเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องระมัดระวัง จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 ม.ค. เกิดเหตุคนร้าย จี้ชิงทรัพย์หญิงสาววัยรุ่น 19 ปี บนสะพานลอยถ.เทพรัตน์ ช่วงบริเวณสะพานกลับรถหน้าหมู่บ้านถาวรนิเวศน์ที่จะเข้าไบเทคบางนา จนเมื่อวานนี้ ตำรวจสน.บางนา จับกุมผู้ต้องหา คือ นายมัรวาน ตีโม หรือบังดุล อายุ 19 ปี ได้ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และเมื่อช่วงบ่ายนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายมัรวาน ให้การว่า วันเกิดเหตุเห็นผู้เสียหายลงรถและกำลังเดินขึ้นสะพานจึงเดินตามจนถึงบริเวณกลางสะพานลอยได้เข้าประชิดตัวและใช้มีดจี้ไปที่เอวพร้อมกับขู่ให้นำทรัพย์สินมาให้เมื่อได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำ 50 สตางค์ แหวนทองคำ 1 สลึง และเงินสด 100 บาท ก็รีบวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ขับหลบหนีไป เมื่อขับไปเรื่อยๆเจอปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งภายในซอยอุดมสุข18 ได้เข้าไปซื้อไฟแช็กในร้านค้าภายในปั๊ม เพื่อจุดไฟลนทองที่ได้มา ทดสอบว่าเป็นทองจริงหรือไม่ เมื่อลองลนแล้ว พบว่ามีทองหลุดออกมา ทำให้มั่นใจว่าเป็นของปลอม หากนำไปขายคงไม่ได้ราคา จึงนำไปทิ้งชักโครกและหลบหนีและมาถูกควบคุมตัวได้

          นายมัรวาน รับสารภาพว่า ทำงานรับจ้างเป็นพนักงานขนสินค้าในบริษัทหนึ่งแต่เงินไม่พอใช้ประกอบกับติดยาเสพติดใบกระท่อมต้องการนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน วันเกิดเหตุจึงตัดสินใจหยิบมีดทำครัวในบ้านและขับรถจักรยานยนต์ตระเวนไปตามถนนบางนา-ตราด จนถึงสะพานลอยดังกล่าวและลงมือก่อเหตุ

          จากการตรวจประวัติพบว่านายมัรวานเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ในพื้นที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ แต่ตำรวจไม่เชื่อ จึงประชาสัมพันธ์หากใครเคยถูกจี้ชิงทรัพย์ขอให้มาแจ้งความ เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยมีอาวุธมีด โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยเปิดเผยโดยไม่มีเหตุสมควร ก่อนจะคุมตัวไปสอบสวนต่อที่สน.บางนา และในวันพรุ่งนี้จะคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง

          ขณะที่ หญิงสาววัย19 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้มาให้การเพิ่มเติมและชี้ตัวคนร้าย เพื่อยืนยันกับตำรวจอีกครั้งหนึ่ง พร้อมเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะปกติแล้วจะใช้เส้นทางนี้บ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะมาช่วงวันเสาร์-วันอาทิตย์ แต่ในวันเกิดเหตุเป็นวันพุธ วันธรรมดา และเป็นช่วงกลางวัน ไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่าน ประกอบกับตอนนั้นชะล่าใจ ไม่ระวังตัวให้ดี รู้ว่ามีคนเดินตาม แต่ไม่ได้สนใจอะไร มารู้ตัวอีกทีคนร้ายก็เอามีดมาจี้ ขู่เอาทรัพย์สินไปแล้ว ซึ่งตนเองได้ให้สร้อยคอทองคำและแหวนทองคำ มูลค่ารวมกว่า18,000บาทไปเพราะกลัวและในช่วงเกิดเหตุต้องรักษาชีวิตไว้ เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง จากนี้ต้องพยายามสังเกตและระวังตัวให้มากขึ้น