หลายพื้นที่ของประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศสะสมเกินค่ามาตรฐาน จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.มีมาตรการให้โรงไฟฟ้าและเขื่อน ของ กฟผ.ทั่วประเทศ ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาฝุ่นให้กับชุมชนโดยรอบพื้นที่ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองของประเทศไทยโดยคำนึงถึงสาเหตุหลักของการเกิด PM 2.5 คือ ในเรื่องของการเผาไหม้ ได้ออกมาตรการรณรงค์ให้ประชาชนรอบเขื่อนและโรงไฟฟ้าไม่จุดไฟเผาป่าและวัชพืช มีการตั้งทีมเฝ้าระวังไฟป่าเพื่อร่วมกันทำแนวกันไฟป่าและจัดทีมดับไฟป่าเพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าให้สงบลงได้อย่างรวดเร็ว และมีการจัดโครงการสร้างฝายชะลอน้ำรอบพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผืนป่าและลดโอกาสของการเกิดไฟป่า
นอกจากนี้สำนักงานใหญ่ กฟผ. จ.นนทบุรี และพื้นที่ชุมชนโดยรอบ กฟผ. ยังได้ออกมาตรการเปิดระบบพ่นละอองไอน้ำบนยอดตึก 20 ชั้นของ กฟผ. ซึ่งระบบนี้มีลักษณะเป็นหัวฉีดพ่นละอองไอน้ำจำนวนประมาณ 1,000 หัวและใช้น้ำประปาที่ผ่านเครื่องกรองมาฉีดพ่น โดยเปิดทำงานวันละ 3 ช่วงเวลา ช่วงละ 2 - 3 ชั่วโมง ซึ่งจะเปิดระบบอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลาย รวมทั้งยังได้ติดตั้งรถตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักป้องกันตนเองจากภัยฝุ่น โดยเตรียมแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นให้กับชุมชนโดยรอบพื้นที่สำนักงานใหญ่ กฟผ. และแจกให้แก่พนักงาน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสาเหตุหลักของการเกิดฝุ่น PM 2.5 จะไม่ได้มาจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าและโรงไฟฟ้า แต่ กฟผ.ทั่วประเทศยังคงควบคุมดูแลการปลดปล่อยมลสารของโรงไฟฟ้าให้อยู่ในระดับมาตรฐานของประเทศไทย และตรวจวัดอย่างต่อเนื่อง จากผลการตรวจวัดบริเวณปล่องโรงไฟฟ้าของ กฟผ.ทุกครั้งพบว่า มีค่าที่ดีกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยประชาชนสามารถติดตามและตรวจสอบได้จากป้ายแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและเว็บไซต์ของโรงไฟฟ้า กฟผ. ในพื้นที่
........