องค์การสหประชาชาติ เปิดเผยรายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Situation and Prospects 2020:WESP) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 2.5 เนื่องจากความตึงเครียดด้านการค้า, ความปั่นป่วนด้านการเงิน หรือความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ขยายตัว อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ความไม่เท่าเทียมกันและวิกฤตสภาพอากาศ กำลังทำให้เกิดความไม่พอใจเพิ่มขึ้นในหลายส่วนของโลก
ในรายงานยังระบุถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ว่าอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของสหรัฐฯจะชะลอตัวลงจากระดับร้อยละ 2.2 ในปีที่แล้วมาสู่ระดับร้อยละ 1.7 ในปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯที่ยังคงไม่แน่นอน ประกอบกับความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจที่อ่อนแอลง และมาตรการกระตุ้นการคลังที่ลดน้อยลง
ส่วนเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงจากระดับร้อยละ 6.1 ในปีที่แล้วมาอยู่ที่ร้อยละ 6.0 ในปีนี้ ทั้งอาจลดลงไปอยู่ที่ร้อยละ 5.9 ในปีหน้า
และเศรษฐกิจในกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยคือจากร้อยละ 1.4 ในปีที่แล้วมาอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ในปีนี้ เพราะแม้ว่าภาคการผลิตจะยังคงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่การอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนของกลุ่มอียูมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติเตือนว่า ความเสี่ยงเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงและยาวนาน ส่งผลต่อเป้าหมายการพัฒนา เขาจึงเรียกร้องให้มีการออกนโยบาย และความร่วมมือในระดับโลกซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
...
https://unctad.org/en/pages/newsdetails.aspx?OriginalVersionID=2272