ทันสถานการณ์โลก 06.30น.ประจำวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2563
ลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ – จีน เฟสแรก อย่างเป็นทางการแล้ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯลงนามในข้อตกลงการค้ากับจีน ซึ่งคาดหมายว่าจะช่วยส่งเสริมการส่งออกแก่เกษตรกรและผู้ผลิตสหรัฐอเมริกา ปกป้องความลับทางการค้าของสหรัฐฯและลดความตึงเครียดในข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมานานระหว่างสองชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลก ในระหว่างพิธีลงนามที่ทำเนียบขาวผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อตกลงนี้เป็นการทำสิ่งผิดพลาดในอดีตให้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมกับอวดอ้างว่าการลงนามเป็นหนทางส่งมอบความชอบธรรมทางเศรษฐกิจแก่บรรดาแรงงานสหรัฐฯและบอกว่า "เราเปลี่ยนคลื่นทะเลแห่งการค้าระหว่างประเทศ ด้วยการลงนามครั้งนี้"
สำหรับการลงนามเฟส 2 นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯระบุในวันพุธ(15ม.ค.) ว่าประเด็นเทคโนโลยีและความมั่นคงทางไซเบอร์บางส่วนจะอยู่ในเฟส 2
โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง รวมทั้ง จะมีการปรับลดอัตราภาษีเพิ่มเติมในข้อตกลงการค้าเฟส 2 โดยข้อตกลงเฟส 2 อาจถูกแบ่งออกเป็น 2A, 2B, 2C ซึ่งจะดูกันต่อไป นอกจากนี้ นายมนูชินยังกล่าวว่า ข้อตกลงการค้าเฟสแรกจะแก้ไขปัญหาที่บริษัทสหรัฐฯถูกบังคับให้ถ่ายโอนเทคโนโลยีแก่บริษัทจีน ขณะเดียวกัน ข้อตกลงการค้าเฟสแรกยังเปิดทางให้สถาบันการเงินสหรัฐฯสามารถเข้าสู่ตลาดของจีน และยุติการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในธุรกิจด้านเวชภัณฑ์
ผู้นำจีน ย้ำสถานะผู้ลงทุนรายใหญ่ เตรียมเยือนเมียนมา ผลักดันโครงการระเบียงศก.
เอเอฟพี รายงานอ้างนายหลัว จ้าวฮุย รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศจีนว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของประเทศจีนจะเยือนเมียนมา 2 วัน เริ่มจากวันศุกร์นี้ เพื่อพบกับนางอองซาน ซูจี ผู้นำสูงสุดของเมียนมา และพล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ พร้อมทั้งผลักดันโครงการเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเลของจีนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเมียนมา ถึงแม้ว่าชาติตะวันตกวิจารณ์รัฐบาลเมียนมาว่า ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาเมื่อปี 2560
การเยือนของผู้นำจีนในครั้งนี้มุ่งจะย้ำสถานะของประเทศจีนในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดและหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์สำคัญของเมียนมา โดยเฉพาะการผลักดันโครงการระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมาเพื่อเชื่อมโยงประเทศจีนกับมหาสมุทรอินเดีย เส้นทางคมนาคมสำคัญภายใต้โครงการเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเลของจีน เอเอฟพี คาดว่าผู้นำทั้งสองฝ่ายจะลงนามในข้อตกลงพัฒนาโครงการก่อตั้งโรงงานและท่าเรือน้ำลึกเจ้าผิวก์ในรัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตกของเมียนมา นอกจากนี้ ประเทศจีน ต้องการจะให้มีการลงนามข้อตกลงก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือเจ้าผิวก์กับมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และการจัดตั้งศูนย์กลางการค้าในนครย่างกุ้ง ประเทศจีน ยังได้ช่วยปกป้องเมียนมา เพื่อนบ้านในที่ประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็น)หลังมีกระแสกดดันให้เมียนมาแสดงความรับผิดชอบเรื่องปัญหาวิกฤติเกี่ยวกับชาวโรฮิงญา
ครม.รัสเซียลาออกเปิดทางให้ปธน.ปูตินผลักดันแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่
บีบีซี รายงานอ้างแถลงการณ์ของรัฐบาลรัสเซียว่า คณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีดมิตรี เมดเวเดฟของรัสเซียประกาศลาออกทั้งคณะ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาว่ามีแผนจะเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ขณะเดียวกัน นายปูติน ได้ขอให้นายเมดเวเดฟไปดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย นายเมดเวเดฟ กล่าวว่า ข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายปูตินจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องดุลยภาพแห่งอำนาจของรัสเซีย ทั้งอำนาจฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ รัฐบาลปัจจุบันจึงลาออกทั้งคณะ
บีบีซี ตั้งข้อสังเกตว่าการประกาศลาออกเช่นนี้ทำให้ชาวรัสเซียแปลกใจ แถลงการณ์ระบุว่า นายปูตินขอบคุณนายเมดเวเดฟสำหรับความสำเร็จด้านต่างๆที่รัฐบาลดำเนินการมา วาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 4 ของนายปูติน จะสิ้นสุดในปี 2567 และภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบัน เขาไม่อาจจะดำรงตำแหน่งได้เป็นสมัยที่ 5
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่นำโดยเดโมแครตในวันพุธ(15ม.ค.) ลงมติส่งคำฟ้อง 2 ข้อหาขอถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเป็นทางการไปยังวุฒิสภา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯลงมติ 228 ต่อ 193 เสียง ส่งมติถอดถอนผู้นำสหรัฐฯ ให้วุฒิสภาพิจารณาต่อ แม้วุฒิสภาจะครองเสียงข้างมากด้วยพรรครีพับลิกัน ของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ จากกรณีที่ขอให้ยูเครนสืบสวนนายโจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมืองของเขา และขัดขวางกระบวนการสืบสวนของสภาคองเกรส ในกรณีที่สกัดการเบิกความและเอกสารต่างๆตามที่บรรดาส.ส.ของเดโมแครตต้องการ คาดกันว่า แม้สภาคองเกรส จะมีมติแบบนี้ แต่เชื่อว่า นายทรัมป์จะไม่ถูกถอดถอน เพราะวุฒิสภา 53 คนของพรรครีพับลิกันไม่มีใครยกมือสนับสนุนถอดถอดเขา เนื่องจากจะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของวุฒิสภาซึ่งมีทั้งหมด 100 คนสำหรับถอดถอนประธานาธิบดี
น้ำมัน-หุ้นปรับตัวลดลง –ทองคำปรับขึ้น หลังสหรัฐฯ – จีน ลงนามการค้าเฟสแรก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ 57.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 49 เซ็นต์ ปิดที่ 64.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกในวันพุธ(15ม.ค.) ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 90.55 จุด ปิดที่ 29,030.22 จุด ความผันผวนในตลาดทุน ทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำในวันพุธ(15ม.ค.) พุ่งแรง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,554.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
องค์กรเฝ้าระวังภัยทางทะเล เพิ่มมาตรการป้องกันปัญหาการปล้นเรือสินค้าในช่องแคบสิงคโปร์
รอยเตอร์ รายงานอ้างนายมาสะฟุมิ คุโรกิ กรรมการบริหารขององค์กรความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อต่อต้านโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชียหรือ ReCAAP องค์กรเฝ้าระวังภัยทางทะเลและกระทรวงกลาโหมของสิงคโปร์ว่า ผู้นำทหารจากประเทศที่มีชายฝั่งทะเลอยู่ใกล้กับช่องแคบสิงคโปร์ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซียและประเทศไทย ประชุมกันในสิงคโปร์ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเรื่องการป้องกันปัญหาโจรสลัดจี้เรือสินค้า รวมถึงการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและลาดตระเวนน่านน้ำในพื้นที่ยุทธศาสตร์ หลังพบว่าในปี 2562 เกิดเหตุจี้เรือสินค้า 31 ครั้ง จาก 7 ครั้ง เมื่อปี 2561 แม้ว่าภาพรวมเหตุจี้เรือสินค้าทั่วทั้งเอเชียเมื่อปีที่แล้ว 82 ครั้ง จะน้อยลงนับตั้งแต่ปี 2550 การท่าเรือสิงคโปร์ มองกรณีเรื่องที่โจรสลัดใช้อาวุธจี้เรือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง พร้อมแจ้งเตือนเรือสินค้าต่างๆให้เพิ่มการเฝ้าระวังมากขึ้นขณะแล่นเข้ามาในบริเวณช่องแคบสิงคโปร์