ทันสถานการณ์โลก 06.30น.ประจำวันพุธที่ 15 มกราคม 2563

ทันสถานการณ์โลก 06.30น.ประจำวันพุธที่ 15 มกราคม 2563

อิหร่าน จับผู้ต้องสงสัยหลายคนสอบปากคำกรณียิงเครื่องบินโบอิ้งของยูเครน

            บีบีซี รายงานอ้างนายโกลัมโฮซเซน เอสมาอิลี โฆษกสำนักงานยุติธรรมของอิหร่านว่า ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนเพื่อสอบสวนกรณีกระทำการโดยประมาท ยิงขีปนาวุธโจมตีเครื่องบินโบอิ้ง เที่ยวบิน PS752 ของยูเครเนียน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ของยูเครน ตกในกรุงเตหะราน ของอิหร่าน เมื่อวันพุธก่อน  มีคนเสียชีวิต 176 ศพ การสอบสวนเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ

            ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน ระบุว่า ศาลพิเศษของอิหร่าน จะทำการพิจารณาคดีนี้ การที่กองทัพอิหร่านยอมรับความผิดพลาดถือว่าเป็นก้าวแรกไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง พร้อมกำชับกองทัพให้คำมั่นกับประชาชนว่าจะไม่เกิดเหตุเช่นนี้อีกในอนาคต

ฟิลิปปินส์ เตือนชาวบ้านยังไม่ให้กลับบ้านหลังภูเขาไฟตาอัลยังคงปะทุ พ่นเถ้าถ่านต่อเนื่อง

          สถานการณ์การปะทุของภูเขาไฟตาอัล บนเกาะลูซอน ในฟิลิปปินส์ ที่เริ่มปะทุมาตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ พ่นเถ้าถ่านขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงไกลประมาณ 9 ไมล์ หรือ 14 กิโลเมตร ทำให้มีการเตือนว่าการปะทุจะรุนแรงขึ้น และยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับที่ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ  ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างนายมาริตัน บอร์นัส หัวหน้าแผนกเฝ้าระวังภูเขาไฟและการปะทุและการป้องกัน ประจำสถาบันแผ่นดินไหวและภูเขาไฟวิทยาของฟิลิปปินส์ (PHIVOLCS) เตือนว่า ชาวบ้านหลายหมื่นคนในจังหวัดบาตังกัสและจังหวัดคาวิเต ที่ได้อพยพออกจากพื้นที่อันตรายคือระยะ 17 กิโลเมตร โดยรอบของภูเขาไฟตาอัลไปพักอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวต่างๆรวม 118 แห่ง ในช่วงนี้ยังไม่ควรเดินทางกลับบ้านเพื่อความปลอดภัย ส่วนสนามบินนานาชาติกรุงมะนิลา ระบุว่า สนามบินเปิดให้บริการตามปกติแล้ว หลังการระงับทุกเที่ยวบินเมื่อวันอาทิตย์ หลังเถ้าถ่านภูเขาไฟลอยมาไกลถึงเมืองเกซอนซิตี้ ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา แต่ยังมีแนวโน้มว่าสนามบินอาจจะหยุดให้บริการชั่วคราวอีกครั้ง ถ้าหากภูเขาไฟปะทุหนักขึ้น ผู้โดยสารจำนวนมากติดค้างที่สนามบินรอขึ้นเครื่องบินจากกรุงมะนิลา เถ้าถ่านที่ไหลจากปล่องภูเขาไฟสร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าวโพด กาแฟ และแหล่งเลี้ยงปลาในจังหวัดบาตังกัส ซึ่งพื้นที่นี้มีการจัดส่งปลาร้อยละ 40 รวมถึงปลาซาร์ดีนไปขายที่ตลาดในกรุงมะนิลา

นาซา เผยเขม่าควันจากไฟป่าออสเตรเลียเดินทางรอบโลก

           องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ นาซา เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นว่า เขม่าควันจากไฟป่าจากออสเตรเลียจะเดินทางรอบโลกอย่างน้อย 1 รอบแล้วกลับไปยังจุดเดิม โดยเขม่าควันหนาทึบจากไฟป่าออสเตรเลีย ที่เกิดขึ้นมานานหลายเดือนและยังมีหลายจุดที่มีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ จะลอยขึ้นสูงประมาณ 17 กิโลเมตรจากพื้นดิน หรือในระดับสตราโทสเฟียร์ (stratosphere) หรือบรรยากาศโลกในชั้นที่ 2 มีระยะตั้งแต่ความสูง 10 กิโลเมตรถึง 50 กิโลเมตร แล้วจะเดินทางข้ามมหาสมุทรผ่านทวีปอเมริกาใต้ เคลื่อนที่รอบโลกอย่างน้อย 1 รอบ ก่อนที่จะกลับไปยังทวีปออสเตรเลีย รายงานของนาซาระบุด้วยว่า สภาพอากาศร้อนและแล้ง ร่วมด้วยอุณหภูมิของไฟป่าซึ่งสูงมาก คือปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ซึ่งเป็นลักษณะอากาศที่ไม่ใช่เรื่องปกติ นาซาระบุด้วยว่า เขม่าควันจากไฟป่าออสเตรเลีย ส่งผลให้ท้องฟ้าของแอฟริกาใต้เปลี่ยนสี และส่งผลกระทบต่อนิวซีแลนด์

          วิกฤติไฟป่าของออสเตรเลียเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วเผาทำลายพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 26 ล้านเอเคอร์ อาคารบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างถูกเผาไปมากกว่า 2,000 หลัง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน ขณะที่สัตว์ป่าล้มตายจำนวนมหาศาล แม้รัฐนิวเซาท์เวลส์สามารถควบคุมไฟป่าขนาดใหญ่ในพื้นที่ได้สำเร็จ แต่ก็ยังมีไฟป่าอีกมากกว่า 100 จุดที่ยังมีความรุนแรง 

จีน จะสั่งซื้อสินค้าเกษตร-สินค้าภาคอุตสาหกรรมจากสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าเฟสแรก

          การติดตามการลงนามข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ในช่วงค่ำพรุ่งนี้ตามเวลาในประเทศไทย รอยเตอร์ รายงานอ้างแหล่งข่าว รวมถึงนายไมรอน บริลเลียน รองประธานสภาหอการค้าสหรัฐฯ คาดว่า หลังการลงนามระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนและหัวหน้าทีมเจรจาการค้าและเศรษฐกิจของจีน จะมีการแถลงรายละเอียดที่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ รายละเอียดในเบื้องต้น ระบุว่า จีนจะสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมจากสหรัฐฯ เพิ่มเติม ในระยะเวลา 2 ปี รวมมูลค่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะสั่งซื้อสินค้าในหมวดพลังงานอีกกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

          นอกจากนั้น จีนจะสั่งซื้อสินค้าภาคบริการจากสหรัฐฯ รวมมูลค่า 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมทั้งสั่งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอีกราว 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะ 2 ปีข้างหน้าเช่นกัน จะทำให้สหรัฐฯได้เปรียบดุลการค้าจีน เนื่องจากที่ผ่านมาขาดดุลการค้ากับประเทศจีนในภาคธุรกิจมาโดยตลอด และทำให้ตัวเลขที่จีนสั่งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯขยับขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงเป้าหมายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯตั้งไว้คือ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี

สหรัฐฯอาจคงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปจนเดือนพ.ย. ส่งผลราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น

          ราคาน้ำมันปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันในวันอังคาร(14ม.ค.) นักลงทุนคาดหวังต่อข้อตกลงการค้าเฟส1ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งมีกำหนดลงนามกันในวันพุธ(15ม.ค.) อย่างไรก็ตามวอลล์สตรีทปิดแคบ หลังมีข่าวว่าอเมริกาจะยังคงมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากปักกิ่ง มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ไปอย่างน้อยจนถึงเดือนพฤศจิกายน

           สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 15 เซ็นต์ ปิดที่ 58.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 29 เซ็นต์ ปิดที่ 64.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯวันอังคาร(14ม.ค.) ปิดผสมผสาน ถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ระบุว่ามาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่อเมริกาบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน จะยังคงบังคับใช้ต่อไปอย่างน้อยก็หลังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 32.62 จุด ปิดที่ 28,939.67 จุด

           ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(14ม.ค.) ปิดลบ 4 จาก 5 วันหลังสุด นักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ จากรายงานผลประกอบการที่สดใสของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่สหรัฐฯบางแห่ง และสัญญาณเงินเฟ้อที่ซึมเซา โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,544.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ถนนยุบตัวในมณฑลชิงไห ตาย 6

           สื่อโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนว่า มีคนเสียชีวิต 6 ศพ และ บาดเจ็บ 16 คน หลังเกิดเหตุดินยุบตัวทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ กว้างเกือบ 10 เมตร บนถนน บริเวณด้านนอกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองซีหนิง เมืองเอกของมณฑลชิงไห่ ทางภาคกลางของประเทศจีน เมื่อค่ำวานนี้ ทำให้มีรถประจำทางคันหนึ่ง และมีคนเดินทางเท้าอีกกลุ่มหนึ่งตกลงไปในหลุม ในช่วงแรกๆ ประชาชนบริเวณนั้นพยายามจะให้การช่วยเหลือผู้โดยสารที่ร่วงลงไปในหลุม แต่การยุบตัวของหลุมค่อยๆกว้างขึ้นเรื่อยๆทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยดำเนินไปอย่างล่าช้า

            เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาหลายครั้งในประเทศจีน มีคนเสียชีวิตหลายศพในช่วง 2-3 ปี ส่วนใหญ่เกิดจากข้อบกพร่องในการก่อสร้างถนนของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและการเร่งพัฒนาเมืองให้เติบโตอย่างรวดเร็วของรัฐบาลท้องถิ่น