ธปท.ยืนยันบาทแข็งไม่ใช่เพราะเก็งกำไร แนะเอกชนลงทุนซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น

          แนวทางการแก้ไขค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มีมาตรการต่าง ๆ ที่พร้อมจะออกมาบังคับใช้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอยู่แล้ว รวมถึงการใช้มาตรการขั้นรุนแรง ซึ่งยังต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ที่ธปท.กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ในขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการอะไรเพิ่ม โดยแนวทางที่ดีที่สุดคือภาครัฐและเอกชนควรให้ความร่วมมือกับธปท.ให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน พร้อมแนะนำภาคเอกชนให้ซื้อดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทน ซึ่งจะช่วยให้ค่าเงินบาทดีขึ้น รวมถึงให้เพิ่มการสั่งซื้อเพื่อส่งเสริมการนำเข้า และรัฐควรเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งแนวทางทั้งหมดต้องใช้เวลา โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐเอง ที่ต้องรอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ผ่านสภาก่อนจึงจะลงทุนได้

          ทั้งนี้ ธปท.มีการแก้ปัญหาเงินบาทหลายวิธี ทั้งการเข้าไปซื้อดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อชะลอการแข็งค่า รวมถึงการออกมาตรการต่างๆ แต่ก็ชี้ว่าเงินบาทที่แข็งค่าก็มีข้อดี เพราะทำให้ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าน้ำมันได้มากขึ้น พร้อมให้ความมั่นใจกับประชาชนที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้

          นายเมธี ยังอธิบายถึงสาเหตุที่เงินบาทแข็งว่ามาตั้งแต่ปีที่แล้วว่าสาเหตุหลักมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ปีที่แล้วไทยเกินดุลไปกว่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งจากการส่งออกและการท่องเที่ยว ประกอบกับอีกหลายปัจจัยทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองในไทยและการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยย้ำว่าไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไรของต่างชาติ

...