ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563

ปธน.สหรัฐฯ เดินหน้ามาตรการทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน

          สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านในตะวันออกกลาง ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีท่าทีลดความแข็งกร้าวลงอย่างชัดเจนหลังจากที่อิหร่านฯ ตอบโต้การสังหารนายทหารระดับสูงของอิหร่านและอิรัก ด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศ 2 แห่งในอิรักที่มีทหารสหรัฐฯและนานาชาติประจำการอยู่ โดยกล่าวว่า ความแข็งแกร่งทั้งการทหารและทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คือเครื่องมือในการป้องปรามที่ดีที่สุด จึงจะใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจเพื่อกดดันอิหร่านต่อไปจนกว่าอิหร่านจะยุติการสนับสนุนการก่อการร้าย และยกเลิกความพยายามที่จะครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

          ประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยด้วยว่า หลังจากที่โจมตีฐานทัพอากาศทั้ง 2 แล้ว อิหร่านส่งสัญญาณว่าจะหยุดปฏิบัติการทหารชั่วคราว แต่กองทัพสหรัฐฯ จะยังอยู่ในความเตรียมพร้อมระดับสูงสุดต่อไป

          พลจัตวาอาเมียร์ ฮาตามี รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน เปิดเผยว่า ท่าทีต่อไปของอิหร่านขึ้นอยู่กับท่าทีของสหรัฐฯ

สหรัฐฯ, อิหร่านอ้างมาตรา 51 ในปฏิบัติการโจมตีอีกฝ่าย

          นางเคลลีย์ คราฟต์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ ยื่นหนังสือต่อเลขาธิการสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพสหรัฐฯที่สังหารนายทหารระดับสูงของอิหร่านและอิรักเป็นการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และว่าสหรัฐฯ พร้อมเจรจาอย่างจริงจังโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้ากับอิหร่าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายคือการเสริมสร้างความมั่นคงระหว่างประเทศ

          ด้านนายมาจิด ทักห์ต์ ราวานชี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ ยื่นหนังสือต่อเลขาธิการสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อ้างถึงการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติในการโจมตีฐานทัพอากาศ 2 แห่งในอิรัก พร้อมยืนยันว่า อิหร่านมีความเคารพ และให้เกียรติต่อเอกราชอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนของอิรัก อิหร่านไม่ประสงค์เข้าสู่สงคราม

          นายกรัฐมนตรีอาเดล อับดุล-มาห์ดี ผู้นำอิรัก เรียกร้องให้สหรัฐฯและอิหร่านถอยคนละก้าว ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและให้เกียรติอิรัก ตลอดจนประชาคมโลกที่ไม่ต้องการให้เกิดสงคราม

อิหร่านให้อาวุธใหม่โจมตีเป้าหมายสหรัฐฯอย่างแม่นยำ

          สำนักข่าวทัสนิมของอิหร่าน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับกองพลไออาร์จีซีของอิหร่าน รายงานว่า ขีปนาวุธที่อิหร่านใช้ในการตอบโต้สหรัฐฯคือ ขีปนาวุธฟาเตห์-313 ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ชนิดยิงจากพื้นสู่พื้น ระยะทำการ 500 กิโลเมตร ซึ่งเข้าประจำการเมื่อปี 2558 และขีปนาวุธไคอัม1 ซึ่งถูกส่งเข้าประจำการเมื่อปี 2553

          กองทัพอิรัก เปิดเผยว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธทั้งหมด 22 ลูก โดยมี 17 ลูกที่โจมตีฐานทัพอากาศอาซัด อีก 5 ลูกโจมตีฐานทัพอากาศที่เออร์บิล แต่สถานีโทรทัศน์ในอิรักรายงานว่า มีขีปนาวุธ 2 ลูกตกใส่หมู่บ้านไซดาน ห่างจากตัวเมืองเออร์บิลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ราว 16 กิโลเมตร และยังมีลูกที่ 3 ที่ตกลงใน พื้นที่บาร์ดาห์ รัชชัช ห่างจากเออร์บิลถึง 47 กิโลเมตร แต่จากภาพถ่ายผ่านดาวเทียมบริเวณฐานทัพอากาศที่ถูกโจมตีแสดงให้เห็นว่าอิหร่านมุ่งกำหนดเป้าไปยังพื้นที่ของฐานทัพส่วนที่เป็นของอเมริกัน ตามที่ประกาศไว้

          ส่วนกรณีที่กองกำลังฮัชด์ในอิรักโจมตีกรีนโซนในกรุงแบกแดดเพื่อแก้แค้นกรณีที่สหรัฐฯ สังหารผู้บัญชาการกองกำลังนั้น ทางกองกำลังใช้จรวดคัทยูชา ที่เป็นจรวดชนิดยิงจากแท่นยิงหลายหัวรบ ซึ่งสามารถติดตั้งบนรถได้ โดยยิงจรวด 2 ลูก ลูกหนึ่งตกห่างจากสถานทูตสหรัฐฯ ไม่ถึง 100 เมตร

อิหร่านตรวจสอบกล่องดำสายการบินยูเครน

          ความคืบหน้าเหตุเครื่องบินโบอิ้ง เที่ยวบินพีเอส 752 ของสายการบินยูเครน อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ส (ยูไอเอ) ประสบเหตุตกในอิหร่านทำให้มีผู้โดยสารและพนักงานบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมดคือ 176 ราย นายอาลี อาเบดซาเดห์ ผู้อำนวยการองค์การการบินพลเรือนอิหร่าน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบกล่องบันทึกข้อมูลการบิน หรือกล่องดำครบทั้งสองกล่องแล้ว แต่อิหร่านจะตรวจสอบร่วมกับทางสายการบิน โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของอิหร่าน ระบุว่า เครื่องบินลำนี้มีเป้าหมายการเดินทางคือกรุงเคียฟของยูเครน ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาติ อิหม่ามโคไมนี ในกรุงเตหะราน แล้วมุ่งหน้าทางทิศตะวันตก แต่นักบินวกเครื่องกลับเนื่องจากเครื่องยนต์ขัดข้อง และมีไฟลุกไหม้ แล้วหายไปจากจอเรดาร์ที่ระดับความสูง 2,440 เมตร โดยไม่ได้ส่งสัญญาณขอลงจอดฉุกเฉิน โดยจุดที่เครื่องบินตกห่างจากสนามบิน 45 กิโลเมตร หรือหลังออกจากสนามบินเพียง 6 นาที

          นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต รัฐบาลสหรัฐฯ จะติดตามการสอบสวนอย่างใกล้ชิด และพร้อมช่วยเหลือรัฐบาลยูเครน

          ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามไม่ควรนำความสูญเสียที่เกิดขึ้นไปตีความเป็นทฤษฎีสมคบคิด

          นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ผู้นำแคนาดา ระบุว่า เนื่องจากในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีชาวแคนาดารวมอยู่ด้วย ดังนั้นทางแคนาดาจึงควรมีส่วนร่วมในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย

          โดยในกลุ่มผู้เสียชีวิตประกอบด้วยชาวอิหร่าน 146 คน, อัฟกัน 10 คน, ยูเครน 11 คน, แคนาดา 5 คน และสวีเดน 4 คน

ธนาคารโลกลดจีดีพีโลก

          ธนาคารโลก เผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลก โดยปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2562 และ 2563 ลงร้อยละ 0.2 เนื่องจากปริมาณการค้าและการลงทุนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่ากรณีพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีนจะลดความตึงเครียดลง โดยเศรษฐกิจโลกปี 2562 จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.4 ส่วนเศรษฐกิจในปี 2563 จะขยายตัวที่อัตราร้อยละ 2.5 โดยเศรษฐกิจในปี 2562 เป็นการเติบโตที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินเมื่อ 10 ปีก่อน และคาดว่าการค้าโลกจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ที่ระดับร้อยละ 1.9 และปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียในปีงบประมาณ 2563 ลงมาที่ร้อยละ 5 จากเคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 6 ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากมีการผลิตลดลงประกอบกับมีผล
กระทบจากการตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐฯกับจีน

น้ำมันลง ,หุ้นสหรัฐฯพุ่งคลายกังวลสงครามสหรัฐฯ-อิหร่าน

          ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลด 3 วันติดต่อกันหลังสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง ร่วมด้วยมีความคืบหน้าในข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน

          สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 59.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          เบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 7 เซนต์ ปิดที่ 65.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม

          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 211.81 จุด หรือร้อยละ 0.74 ปิดที่ 28,956.90 จุด

          เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 21.65 จุด หรือร้อยละ 0.67 ปิดที่ 3,274.70 จุด

          แนสแดค เพิ่มขึ้น 74.18 จุด หรือร้อยละ 0.81 ปิดที่ 9,203.43 จุด

...