ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2563

09 มกราคม 2563, 09:21น.



เอกชน คาดจีดีพีปีนี้ โต 2.5-3% มีปัจจัยลบเพิ่มเติม



          นายกลินท์  สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้ ท่ามกลางปัจจัยกดดันหลายด้านที่ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเฉพาะสงครามการค้า และปัจจัยลบเพิ่มเติมกรณีความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้จะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.5-3 การส่งออก คาดว่า ขยายตัวระดับ 0-ติดลบร้อยละ 2 ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่อาจยืนสูงที่ระดับ 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลเป็นเวลา 6 เดือน ขณะเดียวกัน ภาวะภัยแล้งที่รุนแรงอาจกระทบต่อแรงซื้อในประเทศจึงเห็นว่าจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมในการดูแลภาวะเศรษฐกิจ



เงินบาท อ่อนค่าปิดตลาดแตะ 30.34 ต่อดอลลาร์



          น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการผู้บริหารกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์ตลาดการเงิน ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า  ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดระดับ 30.36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ  ในรอบ 1 เดือนนับจากวันที่ 9 ธ.ค. 2562 จากช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 30.29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และปิดตลาดที่ระดับ 30.34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ  ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากสุดในภูมิภาค เป็นผลมาจากแรงซื้อดอลลาร์สหรัฐฯของผู้นำเข้า ประกอบกับที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ย้ำว่าการแข็งค่าเงินบาทเกินปัจจัยพื้นฐานทำให้นักลงทุนในตลาดเงินมีความระมัดระวังการเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้น และการดันให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ ธปท.สนับสนุนให้นักลงทุนลงทุนในต่างประเทศเพิ่มและให้ผู้ส่งออกถือครองดอลลาร์ให้นานขึ้น ผู้ประกอบการควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงสถานการณ์โลกไม่มีความแน่นอน 



ครอบครัว เรียกร้องตำรวจสอบเหตุรถนายกเทศมนตรีนครตรัง พุ่งตกน้ำอย่างละเอียด



         คดีนายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง และคนขับรถ ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกน้ำเสียชีวิตทั้งสองคน เหตุเกิดที่ท่าเรือปากปรน คืนวันที่ 25 ธ.ค.2562 เบื้องต้น คาดว่าเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากถนนสายดังกล่าวเป็นทางโค้ง และเส้นจราจรไม่ชัดเจน โดยมีการตีเส้นเหลืองทึบพุ่งตรงไปสิ้นสุดที่บริเวณคอสะพาน แต่เส้นทางหลักซึ่งโค้งไปทางขวามือกลับมืด และเส้นเหลืองไม่เชื่อมต่อ หากคนที่ไม่ชำนาญเส้นทางอาจทำให้หลงเข้าใจผิดจนสามารถพุ่งตกคลองได้ ดังเช่นที่เคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ ผลการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตของทั้ง 2 คน เบื้องต้นพบจมน้ำเสียชีวิต แต่ครอบครัวและเพื่อนๆ ของนายอภิชิต เชื่อว่า อุบัติเหตุดังกล่าวน่าจะมีคนทำให้เกิดหรือเป็นการฆาตกรรม อยากให้ตำรวจในพื้นที่ทำงานอีกสักระยะ



ตร.ตรวจพิสูจน์รถยนต์ของบิ๊กโจ๊กที่ถูกยิงที่กองพิสูจน์หลักฐาน



          การติดตามคดีรถยนต์ของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ถูกยิงขณะที่จอดรถไว้ข้างร้านสาริกามาสซาส เพื่อสุขภาพ ในซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก ก่อนเข้าไปใช้บริการร้านนวด คิงส์ บอดี้ เฮ้าส์ ที่อยู่ใกล้กัน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่าเกิดจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้ออุปกรณ์ตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล หรือไบโอเมทริกซ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินการแทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มูลค่า 200 ล้านบาท แต่มีการขยายวงเงินอย่างน่าสงสัยเป็น 2,000 ล้านบาท คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมเรียก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  เข้าให้ข้อมูลการทุจริต  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  ระบุว่า มีข้อมูลผู้ต้องสงสัยแล้ว  สำหรับโครงการดังกล่าวดำเนินการมาก่อนที่จะมารับตำแหน่ง ผบช.สตม. พบว่าเกิดความล่าช้าในขั้นตอนตรวจรับและส่งมอบงานไม่ได้ตามกำหนดทำให้ต้องมีการปรับเงินเพราะหน่วยงานและภาษีประชาชนเสียหาย จึงเซ็นหนังสือ 2 ฉบับถึง ผบ.ตร.ให้ยกเลิกโครงการเพราะมีข้อผิดสัญญารวมทั้งระบบไม่ดีจริง และบริษัทคู่สัญญาจะมาฟ้องตนได้แต่ ผบ.ตร.ก็ไม่ยกเลิก อีกทั้งการแต่งตั้งที่ผ่านมามี รองผบช.สตม.บางรายถูกย้ายไปทำงานภายในหน่วยงานของตร. เนื่องจากถูกกดดันให้เซ็นตรวจรับโครงการยืนยันทุกขั้นตอนดำเนินการสามารถตรวจสอบได้



          เมื่อเวลา 22.00น. วันที่ 8 ม.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่สน.บางรัก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พร้อมเปิดเผยว่า สาเหตุที่รถถูกยิงก็ยังประเด็นเรื่องเดิม คือ ไบโอเมทริกซ์ หลังจากนี้พนักงานสอบสวนไม่ได้นัดสอบปากคำ ซึ่งในส่วนคำให้การของตนน่าจะหมดแล้ว และวันที่ 9 ม.ค.มีการผ่าตรวจพิสูจน์รถยนต์ที่ถูกยิงที่กองพิสูจน์หลักฐาน ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ



อัยการรับสำนวนคดีแชร์แม่มณีจากดีเอสไอ



          นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำสำนวนคดีแชร์แม่มณี พร้อมความเห็นสมควรฟ้อง น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือแม่มณี หรือเดียร์ อายุ 30 ปี กับพวกรวม 10 ราย ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ส่งมอบให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง นายปิยะศิริ กล่าวว่า ยังมีผู้ต้องหาชุดที่สอง ส่วนใหญ่เป็นแม่ทีมหรือแม่สายของแชร์แม่มณี คาดว่าจะมีถึงหลักร้อยราย คิดว่าไม่น่าจะเกินเดือนเม.ย.จะมีความชัดเจน สำหรับดารานักแสดงที่มาให้ปากคำยังไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดคดีแชร์แม่มณี



          นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า อัยการรับสำนวนคดีแชร์แม่มณีจากดีเอสไอแล้ว สำนวนเอกสารมี 47 ลัง 110,982 แผ่น ทุนทรัพย์ที่เสียหาย 1,376,215,359.74 บาท จำนวนผู้เสียหาย 2,553 คน โดยนายฐาปนา ใจกลม อธิบดีอัยการคดีพิเศษ จ่ายสำนวนไปยังสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 เป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้พิจารณาในรูปแบบคณะทำงาน ผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย ได้แก่ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช, นายเมธี ชิณภา,นายปิยะ คีรีสุวรรณกุล,น.ส.พรสวรรค์ ภูอินอ้อย,น.ส.สุพรรณี นิกรกุล ผู้ต้องหาที่ 1-5 ถูกแจ้ง 3 ข้อหา ส่วนนายธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช,น.ส.วิไลวรรณ หงส์ประชาทรัพย์,น.ส.นิตยา พินนอก,นายบริภัทร เข็มรัตน์ และนายปิยะเศรษฐ์ ธิโสภา ผู้ต้องหาที่ 6-10 ถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน




 

ข่าวทั้งหมด

X