หลังอิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธ 22 ลูกถล่มหน่วยทหารสหรัฐฯที่ประจำอยู่ในฐานทัพ 2 แห่งของอิรักคือ ฐานทัพอัล-อาซาด ในจังหวัดอันบาร์ และฐานทัพอีกแห่งในจังหวัดเออร์บิน ระหว่างเวลา 01.45 น.- 02.15 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ เพื่อตอบโต้กรณีสหรัฐฯสังหารพล.ต.กัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษของอิหร่านขณะปฏิบัติภารกิจในอิรักเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ยังไม่มีรายงานเรื่องความเสียหาย แต่ทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดสูงขึ้น
ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียว่ารัฐบาลอินเดียเตือนพลเมืองอินเดียให้เลี่ยงการเดินทางไปยังอิรักในระยะนี้จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม พร้อมทั้งเตือนพลเมืองอินเดียที่อาศัยอยู่ในอิรักให้เพิ่มการระวังตัวและเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆในอิรักในระยะนี้เช่นกัน แถลงการณ์ระบุว่าสถานทูตอินเดียประจำกรุงแบกแดด และสถานกงสุลอินเดียในจังหวัดเออร์บินยังเปิดทำการตามปกติสำหรับพลเมืองอินเดียในอิรัก
ด้านน.ส.ไอชา ฟารูกวี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของปากีสถาน เพื่อนบ้าน เตือนพลเมืองปากีสถานให้คิดให้รอบคอบ ถ้าประสงค์จะเดินทางไปยังอิรักในระยะนี้ พร้อมทั้งแนะนำพลเมืองปากีสถานที่อยู่ในอิรักให้ติดต่อกับสถานทูตปากีสถานในกรุงแบกแดดอย่างใกล้ชิด
ด้านนายซัลวาดอร์ พาเนโล โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์มีคำสั่งให้พลเมืองฟิลิปปินส์ในอิรักให้เดินทางออกจากอิรัก พร้อมเตือนพลเมืองให้เลี่ยงการเดินทางไปยังอิรักในระยะนี้ ขณะเดียวกัน กองทัพฟิลิปปินส์เตรียมส่งเครื่องบินขนส่งรุ่น C-130 และเช่าเรือสำราญเพื่ออพยพแรงงานกลับประเทศ ในปัจจุบันมีแรงงานฟิลิปปินส์หลายพันคนทำงานในตะวันออกกลาง ส่งเงินรวมหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯกลับประเทศในแต่ละปี ทำให้ฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบทุกครั้งที่เกิดปัญหาสู้รบในตะวันออกกลาง