สหรัฐฯสั่งเพิ่มการเฝ้าระวังเพื่อรับมือการโจมตีด้วยโดรนจากอิหร่าน

          ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนของสหรัฐฯว่า หน่วยทหารและระบบต้านขีปนาวุธแพทริออตของสหรัฐฯทั่วทั้งตะวันออกกลางได้ยกระดับการเฝ้าระวังภัยสูงขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมในการยิงโดรนจากอิหร่าน มีข่าวกรองชี้ว่า อิหร่านอาจจะใช้โดรนโจมตีหน่วยทหารของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอิรัก,คูเวต,ซาอุดิอาระเบีย,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และจอร์แดน รายงานระบุว่า มีสิ่งบ่งชี้ว่าสหรัฐฯจะต้องยกระดับการระเฝ้าวังภัยคุกคามในระยะนี้ให้มากกว่าที่ทำมาเป็นปกติ ส่วนระบบการต้านขีปนาวุธแพทริออตของสหรัฐฯทั่วทั้งตะวันออกกลางอยู่ในขั้นเตรียมพร้อมในระดับสูง เพื่อรับมือกับการโจมตีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ เมื่อหลายวันก่อน สหรัฐฯพบการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารรวมถึงโดรนและขีปนาวุธในอิหร่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นความพยายามของอิหร่านที่จะย้ายอาวุธไปยังจุดที่ปลอดภัยจากการโจมตีของสหรัฐฯ หรืออาจจะเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่พร้อมจะปล่อยจากฐานยิงเพื่อโจมตีสหรัฐฯ

        สำนักข่าวฟารส์ รายงานว่า นายอาลี ชัมคานี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน เปิดเผยว่า อิหร่านกำลังพิจารณาแผนการแก้แค้น 13 แบบ ก่อนหน้านี้ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่านและคณะผู้บัญชาการทหารอิหร่าน ประกาศว่า อิหร่านจะแก้แค้นสหรัฐฯให้สาสมกับที่สหรัฐฯสังหาร พล.ต.กัสซิม โซเลมานี โดยที่อิหร่านจะเป็นฝ่ายเลือกเวลาและสถานที่ รอยเตอร์ ระบุว่า อิหร่านมีชายฝั่งทางใต้ยาวไปตลอดเส้นทางขนส่งน้ำมันจากอ่าวอาหรับหรืออ่าวเปอร์เซีย รวมถึงช่องแคบฮอร์มุซที่เชื่อมระหว่างอ่าวอาหรับกับอ่าวโอมาน นอกจากนี้ ยังมีกองกำลังพันธมิตรทั่วตะวันออกกลาง จึงสามารถก่อเหตุได้ทั่วทั้งภูมิภาคนี้ นักวิเคราะห์ มองว่า แม้อิหร่านใช้ถ้อยคำแข็งกร้าว แต่คงหาทางหลีกเลี่ยงการทำสงครามแบบปกติกับสหรัฐฯ และใช้การทำสงครามกองโจรแทน เช่น ก่อวินาศกรรม หรือทำสงครามตัวแทน

แฟ้มภาพ