ทันสถานการณ์โลก 06.30 น. วันอังคารที่ 7 มกราคม 2563

สหรัฐฯ ยืนยันการสังหารนายทหารอิหร่านเพื่อป้องกันตนเอง

          กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่า การสังหารพล.ต.กัสซิม โซเลมานี อายุ 62 ปี ผู้บัญชาการกองกำลังรบพิเศษกุดส์แห่งกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน กับนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส ผู้บัญชาการกองกำลังฮัชด์ ชาวอิรัก คือการป้องกันตนเอง เนื่องจากพล.ต.โซเลมานี เป็นผู้บัญชาการกองกำลังที่มีการโจมตีชาติตะวันตกมาแล้วหลายครั้ง และมีแผนที่จะโจมตีนักการทูตและกำลังทหารสหรัฐฯ ในเร็ว ๆ นี้ การสังหารพล.ต.โซเลมานีจึงไม่ได้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศตามที่สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ทั้งจากฝ่ายรีพับลิกันและเดโมแครตมีคำถามว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีอำนาจถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ที่สั่งโจมตีเป้าหมายในดินแดนอิรักโดยที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอิรัก และยังเป็นการกระทำที่ถูกต้องภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายสหรัฐฯหรือไม่

          นายกรัฐมนตรีอิรัก ระบุว่าปฏิบัติการของสหรัฐฯ เป็นการละเมิดข้อตกลงในการคงกำลังทหารสหรัฐฯในอิรัก และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอิรักมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขับทหารอเมริกันออกจากประเทศโดยอ้างถึงกฎบัตรสหประชาชาติ ที่มีข้อห้ามใช้กำลังทางทหารในต่างประเทศเว้นแต่ประเทศนั้นยินยอม โดยในขณะนี้มีทหารอเมริกันอยู่ในอิรักประมาณ 5,000 คน ซึ่งตามข้อตกลง ทหารเหล่านี้มีหน้าที่ให้คำแนะนำและข้อปรึกษา

          กระทรวงการต่างประเทศอิรักเรียกนายแมทธิว ทุลเลอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงแบกแดด เข้าพบเพื่อรับข้อเรียกร้องแล้ว

          ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะออกมาตรการลงโทษอิรักอย่างหนัก หากอิรักขับทหารอเมริกันออกจากประเทศ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่ามาตรการที่จะใช้กับอิรักจะมีความรุนแรงชนิดที่มาตรการซึ่งใช้กับอิหร่านดูเป็นเรื่องธรรมดา เพราะสหรัฐฯ มีฐานทัพอากาศที่ก่อสร้างด้วยเงินงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์อยู่ในอิรัก และอเมริกาจะไม่ไปไหนหากอิรักไม่จ่ายเงินจำนวนนี้ให้กับอเมริกา

สภาสหรัฐฯเตรียมลงมติจำกัดอำนาจของประธานาธิบดี

          นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เปิดเผยว่าสภาผู้แทนราษฎรจะมีการลงมติในสัปดาห์นี้ต่อญัตติจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน เนื่องจากการยั่วยุของประธานาธิบดี ทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐ, นักการทูต และชาวอเมริกันตกอยู่ในอันตราย นางเปโลซีกล่าวว่า สภาคองเกรสมีความกังวลต่อการดำเนินการของรัฐบาลที่ไม่มีการปรึกษาหารือกับสภาคองเกรส ไม่มีความเคารพต่ออำนาจในการประกาศสงครามของสภาคองเกรสตามที่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ

อิหร่านประกาศแก้แค้น

            ที่อิหร่านซึ่งมีการประกอบพิธีศพพล.ต.โซเลมานี ที่มหาวิทยาลัยเตหะราน น.ส.ไซนาบ โซเลมานี บุตรสาวของ พล.ต.โซเลมานี กล่าวว่า การสังหารบิดาของเธอทำให้แนวร่วมต่อต้านอเมริกายิ่งเข้มแข็งมากขึ้น สหรัฐฯและอิสราเอลจะต้องพบกับวันแห่งความมืดมน ทั้งกล่าวว่า แผนการชั่วร้ายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างอิหร่านกับอิรัก มีแต่จะทำให้สองประเทศนี้สามัคคีกันมากขึ้น และเกลียดชังสหรัฐฯ

ครม.อิหร่านเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ

          คณะรัฐมนตรีอิหร่านมีมติให้ดำเนินการขั้นที่ 5 ถือเป็นขั้นสุดท้ายในการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุในย่อหน้าที่ 36 ของแนวทางปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (เจซีพีโอเอ) ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ฉบับปี 2558 โดยจะไม่มีการจำกัดจำนวนเครื่องหมุนเหวี่ยงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในประเทศอีกต่อไป นับจากนี้โครงการนิวเคลียร์อิหร่านจะเดินหน้าด้วยตนเอง และความต้องการทางเทคนิคขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ ซึ่งเป็นการยุติข้อตกลงนิวเคลียร์โดยปริยาย

จีนตำหนิสหรัฐฯ เพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

          นายเกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน วิจารณ์สหรัฐฯ กรณีสังหารผู้บัญชาการทหารอิหร่าน ว่าเป็นการเมืองแบบใช้กำลัง ซึ่งไม่เป็นที่นิยมและไม่มีความยั่งยืน ทั้งขัดกับหลักพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเมื่อวันเสาร์ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีการต่างประเทศของจีนโทรศัพท์หารือกับนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีการต่างประเทศอิหร่าน และกล่าวว่า จีนมีความมุ่งมั่นในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางและอ่าวอาหรับ ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ละเมิดหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้ความตึงเครียดภายในภูมิภาคเลวร้ายลงไปกว่าเดิม จีนขอเตือนสหรัฐฯ ไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด และเรียกร้องให้มีการเจรจาหารือเพื่อแสวงหาหนทางแก้ไขปัญหาต่างๆ

          ด้านนายซารีฟ กล่าวประณามการกระทำของสหรัฐฯ และเปิดเผยว่า อิหร่านได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการสหประชาชาติแล้ว และหวังว่าจีนจะมีบทบาทสำคัญในการรักษาสันติภาพในภูมิภาค

น้ำมันบวก, หุ้นสหรัฐฯขึ้น

          ราคาน้ำมันในตลาดโลกขยับขึ้นแรงในช่วงแรกของการซื้อขายโดยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่สัญญาเบรนต์ลอนดอน แตะระดับ 70.74 ดอลลาร์ จากนั้นราคาน้ำมันปรับลดลง ท่ามกลางการคาดหมายว่าอิหร่านจะตอบโต้สหรัฐฯ ในแนวทางที่ไม่ส่งผลกระทบต่อพลังงาน

          สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 63.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ 68.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 68.50 จุด ปิดที่ 28,703.38 จุด, เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.43 จุด ปิดที่ 3,246.28 จุด, แนสแดค เพิ่มขึ้น 50.70 จุด ปิดที่ 9,071.47 จุด

...