หลังมีราชกิจจานุเบกษา แต่งตั้ง 7 ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ โดยรองศาสตราจารย์ปณิธาน วัฒนายากร เป็น 1 ในผู้ทรงคุณวุฒิ ยืนยันคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้น ไม่ได้มีอำนาจเข้าไปดักฟังหรือดูแชทการสนทนาหรือล้วงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนอย่างแน่นนอน แต่หากเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่น มีผู้โจมตีทำให้ระบบใหญ่ของประเทศล่ม หรือกระทบความมั่นคงระหว่างประเทศ อาจจะให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงพิจารณาให้คณะกรรมการชุดนี้เข้าไปดูแลได้ในกรณีนั้น ส่วนความคิดเห็นหรือสิ่งที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ลงโซเชียลในเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม คณะกรรมการชุดนี้ก็ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้เช่นกัน เนื่องจากเป็นหน้าที่ของตำรวจและหน่วยเฝ้าระวังของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่จะดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตามอนาคตจะต้องหารือและทำงานร่วมกันด้วย
สำหรับคณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ไซเบอร์ให้ปลอดภัยแล้ว ถือเป็นงานที่ท้าทาย เพราะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในอนาคตและปัจจุบันประเทศไทยก็เข้ามาพึ่งพาโซเชียลมากขึ้นทั้งเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเมือง ขณะนี้มีหลายประเทศที่จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลด้านต่างๆกันเพื่อให้เกิดความเป็นระบบมากขึ้น สำหรับประเทศไทยถือว่า เพิ่งเริ่มต้น การจัดตั้งผู้ทรงวุฒิหรือคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลทั้งด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ ด้านกฎหมาย ด้านการเงิน หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย แต่สิ่งที่ปัญหาคือทำอย่างไรให้ประชาชนพอใจ และเกิดความปลอดภัย
หลังจากนี้ภายใน 6 เดือนจะต้องจัดตั้งเป็นสำนักงานที่มีเลขานุการ เพื่อประชุมถึงการดำเนินงาน นอกจากนี้จะฝึกฝนคนรุ่นใหม่ให้มีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศด้วยมาตรฐานในระดับสากลด้วย เพราะขณะนี้ในประเทศไทยยังมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้จำนวนน้อยอยู่ ส่วนงานที่ตนเองดูแลคือด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะต้องประสานกับต่างประเทศตลอด เพื่อดูสิ่งที่อาจจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ส่วนที่ขณะนี้เว็บไซต์รัฐบาลไทยล้มนั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากการบริหารจัดการเว็บผิดพลาด หรือ ถูกโจมตี